
สิ่งที่ทุกคนอยากฟังในวันนี้ คือ ใครที่มีอำนาจในการแก้ปัญหาที่แท้จริง นายกแพ หรือ พ่อนายก หรือ รมต. กลาโหม และอะไรคือนโยบายในการแก้ปัญหาความขัดแย้งใน จชต. ของรัฐบาลแพทองธาร ทั้งปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด
4 พ.ค.2568-นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Angkhana Neelapaijit ระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเหตุการณ์ความรุนแรงใน จชต. โดยการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้สร้างความสะเทือนใจให้คนทั่งประเทศอย่างมาก โดยเหยื่อมีทั้งผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ จนทำให้หลายองค์กร/ หน่วยงานออกมาประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หากถามว่าการประณามจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไหม ส่วนตัวเห็นว่าผู้ก่อเหตุ หรือ BRN ไม่น่าจะสนใจคำประณามมากนัก และน่าจะยังคงใช้ความรุนแรงเพื่อกดดันรัฐบาลไทยต่อไป ส่วนท่าทีของรัฐบาลไทยก็ต้องยอมรับว่ามีความคลุมเครืออย่างมาก เพราะในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร ก็ไม่ได้กล่าวถึง หรือให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหา จชต. เท่าที่ควร ไม่ตอบคำถาม และไม่ให้คำมั่นใด ๆ ตอนนี้เท่าที่ดูคนที่พยายามจะลงมาแก้ปัญหา จชต. จึงน่าจะเป็น “พ่อนายก” มากกว่าตัว “นายก”
ในส่วนคุณทักษิณก็เคยชินกับการใช้เงิน และใช้อำนาจ และมองปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องเล็ก เพราะอาจมั่นใจว่ามีพรรคนอมินีอย่างพรรคประชาชาติเป็นฐานเสียงสำคัญ จึงพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า ปัญหาความรุนแรง “น่าจะจบภายในปีนี้” หรือ “สบตาคนรุ่นใหม่รู้สึกเป็นมิตรมากขึ้น” โดยคุณทักษิณอาจลืมคิดไปว่าคนที่มาต้อนรับ “พ่อนายก” หรือ “นายกตัวจริง” ไม่ได้เป็นตัวแทนของคนทั้งหมด และอาจเพราะความเชื่อว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาได้ คุณทักษิณจึงไม่สนใจกับการพูดคุยหรือ “การเจรจาสันติภาพ” ที่ต้องเริ่มจากการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust Building) ยอมรับความผิดพลาดในอดีต สร้างคำมั่นสัญญาใหม่ และแสวงหาทางออกร่วมกันพบพื้นฐานการเคารพในความต้องการของทุกฝ่าย
ที่ผ่านมาหากจำกันได้ กระบวนการพูดคุยที่เริ่มต้นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พร้อม ๆ กับการชดใช้เยียวยาด้วยตัวเงิน และการเยียวยาทางจิตใจแก่ผู้เสียหาย เหยื่อ และญาติ ๆ ทุกคน ถึงจุดนี้คุณทักษิณอาจคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว จึงไม่เห็นความสำคัญของการพูดคุยกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง ที่ต้องเริ่มจากการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมถึงการพูดคุยในสารัตถะ และสร้างคำมั่นในการอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกัน
.
ความรุนแรงที่มากขึ้นในวันนี้ นอกจากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมของ BRN โดยใช้ความโหดร้ายรุนแรงต่อพลเรือนกลุ่มเปราะบางโดยปราศจากเมตตา และความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก คือ การขาดเจตจำนงทางการเมืองในการแก้ปัญหา จชต. เพราะวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า รัฐบาลมีนโยบายอะไรในการแก้ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง เราจึงได้ยินการตั้งคำถามแบบโยนหินถามทางว่า “จะเอาแบบเขตปกครองพิเศษซินเจียงไหม” ทั้งที่ตามรายงานสหประชาชาติ ซินเจียงเป็นพื้นที่ที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และจำกัดสิทธิเสรีภาพชนกลุ่มน้อยทางศาสนามากที่สุด
นอกจากนั้น การที่รองนายกภูมิธรรมออกมาประกาศว่าจะคุยกับเฉพาะ “ตัวจริง” ที่สามารถสั่งการได้เท่านั้น ทั้งที่รู้ว่า BRN เป็นองค์กรลับ และ BRN เองก็เคยเรียกร้องให้มีภูมิคุ้มกันหากจะมีการเปิดเผยตัว “ผู้นำ” ในระดับท้องถิ่น แต่ท่าทีรัฐบาลไทย โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคงน่าจะไม่เอาด้วย และพยายามจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาแทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลพลเรือน สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือมี สว. กลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ยกระดับกลุ่ม BRN เป็นขบวนการก่อการร้าย ซึ่งเหมือนจะยุยงให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงในการปราบปรามทั้งที่ปัจจุบันไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน เพราะในทางกลับกัน อีกฝ่ายอาจตอบโต้โดยการก่อวินาศกรรมที่จะกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เผลอ ๆ อาจต้องมีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเข้ามารักษาการในพื้นที่ และปัญหาอาจจบลงแบบติมอร์ เลสเต (ซึ่งก็คงถูกใจ BRN)
วันนี้ถึงคุณทักษิณจะอยากแสดงบทบาทในการแก้ปัญหา แต่ปัญหาความรุนแรงใน จชต. ไม่ใช่พื้นที่ให้ใครมาทดลองภูมิปัญญา ทั้งนี้คุณทักษิณต้องไม่ลืมว่า ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงใน จชต. ที่เริ่มต้นในสมัยคุณทักษิณ จนวันนี้ยังไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว เพราะการแก้ปัญหา “การลอยนวลพื้นผิด – Impunity” ของคุณทักษิณ ก็คือการปล่อยให้ทุกคดีหมดอายุความโดยไม่ต้องมีใครรับโทษ ซึ่งก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของคุณทักษิณอาจไม่มีเหลืออยู่อีก
สิ่งที่ทุกคนอยากฟังในวันนี้ คือ ใครที่มีอำนาจในการแก้ปัญหาที่แท้จริง นายกแพ หรือ พ่อนายก หรือ รมต. กลาโหม และอะไรคือนโยบายในการแก้ปัญหาความขัดแย้งใน จชต. ของรัฐบาลแพทองธาร ทั้งปัญหาความขัดแย้ง ความรุนแรง รวมถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

