'ปชน.' ประกาศ ดอง 'งูเห่า' ไม่ขับ 'กฤษฎิ์' ตามความต้องการ พร้อมตัดสิทธิ์ทุกอย่างในโควต้าพรรค แถลงปัดทุกข้อกล่าวหา ยันไม่เคยปิดกั้นการทำงาน จ่อยื่นหน่วยงานตีความเป็นหนังสือลาออกหรือไม่ เชื่อหากผลตรงข้าม ตกเก้าอี้ สส.แน่นอน
13 พฤษภาคม 2568 - ที่รัฐสภา พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายสหัสวัส คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน และสส.ของพรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวกรณี นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ประกาศแยกทางกับพรรคประชาชน เตรียมย้ายซบพรรคกล้าธรรม
โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคได้ตัดสินใจร่วมกัน โดยเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็มีการประชุมกันในที่ประชุม สส. รวมถึงประชุมในส่วนของผู้บริหารพรรค ว่าเราจะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร ตนอยากยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า ที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีกระบวนการใดๆ ที่ใช้อำนาจจากผู้บริหารพรรค หรือภายในพรรคใดๆ ก็ตาม ที่จะทำให้เขาอึดอัดใจ หรือว่าเป็นอุปสรรคในการทำงานของเขาเอง ตามที่เขาได้แถลงไปเมื่อเช้านี้
สำหรับมาตรการจากพรรค อยากยืนยันว่า หน้าที่ของผู้แทนราษฏรของพรรคตั้งแต่ต้น คือเพื่ออาสาเข้ามารับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน และจากเหตุผลที่ทางนางสาวกฤษฎิ์ได้ให้ไว้เป็นเหตุผลที่พวกเราคิดว่า ฟังไม่ขึ้น
เพราะฉะนั้น มาตรการที่เราจะดำเนินการต่อจากนี้ คือจะดำเนินทุกมาตรการ ที่ทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด จากการที่เขาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า การที่ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์นั้น เสียงส่วนหนึ่งเพราะว่าเขาเป็นตัวแทนของพรรค ดังนั้น สิ่งที่พรรคจำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการ คือการคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชน ในเขตเลือกตั้งที่ 6 จังหวัดชลบุรี
และสิ่งหนึ่งที่คิดว่า เป็นมาตรการที่ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด ก็คือการที่ทำให้นางสาวกฤษฎิ์ได้ทำตามเจตนารมณ์ ตามหนังสือที่เขาได้ยื่นมาให้กับตนและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหมายถึงนายทะเบียนพรรคด้วยเช่นเดียวกัน โดยหนังสือที่ได้นำเรียนมา เขียนหัวถึงกรรมการบริหารพรรค ในเรื่องที่ได้ชี้แจงไว้ คือการขอยุติบทบาทกับพรรค ซึ่งอีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการที่ร้องขอให้พรรคขับเขาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค
ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนที่เป็นวิญญูชน ถ้าได้อ่านหนังสือฉบับนี้จบ เชื่อว่าทุกคนมีข้อสรุปที่ตรงกัน ว่านางสาวกฤษฎิ์แสดงเจตจำนง ไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป และขอย้ำอีกหนึ่งครั้งว่า ไม่ว่าหนังสือจะเขียนมาอย่างไร และไม่ได้จั่วว่าเป็นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอย่างตรงไปตรงมา แต่เมื่อทุกคนในประเทศนี้อ่าน ย่อมสรุปได้ตรงกันว่า หนังสือฉบับนี้ ได้แสดงเจตจำนงไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป และตัวนางสาวกฤษฎิ์เอง ไม่ได้มีฐานอำนาจใด ๆ ที่จะบังคับให้กรรมการบริหารพรรค หรือที่ประชุม สส.ขับเขาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เนื่องจากการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค มีเงื่อนไขเดียว คือต้องกระทำความผิดทางวินัย
ดังนั้น ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง และข้อบังคับของพรรคเรามีความเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการลาออกจากสมาชิกพรรค แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อกฎหมาย พรรคจะยื่นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ตีความ ว่าหนังสือดังกล่าวถือเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการและรอหน่วยงานออกคำชี้แจง และหากผลตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พรรคก็จะมีมาตรการลงโทษคือไม่มีมติขับออก ทำให้เขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการคือการย้ายไปยังพรรคการเมืองอื่น
นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงว่า นอกจากนี้ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ตนจะลงพื้นที่พร้อมกับนายสหัสวัต และ สส ชลบุรีของพรรคทุกเขต เพื่อยืนยันกับประชาชนว่า พวกเราพร้อมที่จะเดินหน้ารับใช้ประชาชน และยังมอบหมายให้นายสหัสวัตเป็นตัวแทนของพรรคเข้าไปดูแลพื้นที่เขต 6 ต่อจากนี้
ด้านนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เมื่อได้รับฟังถึงเหตุผลที่นางสาวกฤษฎิ์แถลงเมื่อเช้านี้ ต่อข้อกล่าวหาหลายข้อที่มีต่อพรรค ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบาย หรือประเด็นที่ตนเองอยากจะขับเคลื่อนนั้น ตนขอชี้แจงเป็นรายประเด็น
ดังนี้ คือ 1.เรื่องการแก้ปัญหาการทำงานในพื้นที่ ที่ไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคสักบาทเดียวในการทำกิจกรรม เราต้องยืนยันว่า ทางพรรคได้มีการสนับสนุนนางสาวกฤษฎิ์ในการทำงานพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายเอง ก็เคยอนุมัติงบประมาณจากส่วนกลาง เพื่อให้นางสาวกฤษฎิ์ไปจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่อำเภอศรีราชา ตามที่ได้ขอเข้ามา ซึ่งในส่วนการให้งบประมาณทำกิจกรรม สส.เขตคนอื่น ๆ ก็ทำงานในพื้นที่ได้อย่างราบรื่น ได้รับการสนับสนุน และความร่วมมือจากพรรคเป็นอย่างดีมาตลอด
2.ข้อกล่าวหาเรื่องการทำงานในคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่ได้รับการสนับสนุน เราต้องบอกว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะมีการให้ สส.ทุกคนได้เสนอมาว่า ตนเองอยากนั่งในคณะกรรมาธิการสามัญคณะใด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้นั่งในคณะกรรมาธิการสามัญในอันดับ 1 ที่ตนเองอยากได้ เนื่องจากต้องมีการจัดสรร
และนางสาวกฤษฎิ์นั้น เป็นหนึ่งใน สส.ไม่กี่คน ที่ได้นั่งในคณะกรรมาธิการสามัญอันดับ 1 ที่ตนเองเลือกมา เนื่องจากพรรคเห็นว่า ในพื้นที่ของนางสาวกฤษฎิ์ มีท่าเรือแหลมฉบังอยู่ และพรรคก็คิดว่านางสาวกฤษฎิ์มีประเด็นที่น่าจะเข้าไปขับเคลื่อนในคณะกรรมาธิการได้ อีกทั้ง นางสาวกฤษฎิ์ยังได้ตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ของอนุกรรมาธิการ และยังสามารถเลือกที่ปรึกษามาเสนอชื่อได้อย่างเต็มที่ เพื่อที่จะช่วยเข้ามาทำงานในประเด็นที่นางสาวกฤษฎิ์ต้องการได้ ยืนยันว่า ไม่มีการปิดกั้นแต่อย่างใด
3.ข้อกล่าวหา เรื่องการไม่ได้รับความเคารพในสถานะทางเพศ ต้องยืนยันว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล มาจนถึงพรรคประชาชน นี่เป็นค่านิยมหลัก ที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือการโอบรับความหลากหลายทางเพศ ความหลากหลายทางความเชื่อทุกรูปแบบ และขอยืนยันว่า ไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของ สส.คนใด หรือแม้แต่ประชาชนคนใดอย่างแน่นอน และหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะถือว่าเป็นการผิดวินัย เพราะว่าเป็นการไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก และคุณค่าหลักที่พรรคยึดถือ
นอกจากนั้น พรรคก็ได้เปิดพื้นที่ให้นางสาวกฤษฎิ์ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ โดยร่วมอยู่ในทีมสภาความหลากหลายทางเพศเชิงประเด็นของพรรค มีส่วนร่วมในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ) สมรสเท่าเทียม และมีส่วนร่วมอยู่ในทีมในการยกร่าง พ.ร.บ.รับรองทางเพศ ทั้งยังได้มอบหมายให้ได้ยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีอนามัยเจริญพันธุ์ เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ถึงแม้ว่าขณะนี้ อาจจะยังไม่ได้สำเร็จครบถ้วนก็ตาม แต่พรรคก็เปิดพื้นที่ให้นางสาวกฤษฎิ์ได้ทำงานอย่างเต็มที่ และพรรคเอง ก็เคยได้สนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมพื้นที่ของนางสาวกฤษฎิ์ ในการรวบรวมความเห็น ของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ศรีราชาด้วย
4.เรื่องเหตุการณ์การปรึกษาหารือ 2 นาที ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตนยอมรับว่า มีการไปพูดคุยกับนางสาวกฤษฎิ์หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่เราพูดคุยกัน ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา และไม่ใช่เรื่องความไม่พอใจ แต่สิ่งที่เพื่อนไม่พอใจคือ เวลาก่อนเปิดประชุมนั้น ควรจะเป็นเวลาที่สะท้อนปัญหาของส่วนรวม หรือประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัว ว่าเขาเองต้องการที่จะทำอะไร หรือต้องการที่จะไปไหน
แต่อย่างไรก็ตาม พรรคยืนยันว่า สิ่งที่นางสาวกฤษฎิ์หารือไป ไม่ได้เป็นความผิด และพรรคไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใดๆ ต่อ หลังจากเหตุการณ์นั้นเลย เพราะถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ว่าการพูดการหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวมาพูด ไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น ย้ำว่า ไม่ได้มีการลงโทษ และไม่ได้มีการคว่ำบาตรใดๆ ทั้งสิ้น
นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ได้พูดกับเพื่อน สส. ในที่ประชุม สส. โดยขอให้เก็บเหตุการณ์นี้ไว้ และให้ทุกคนร่วมงานกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เหมือนเดิม ดังนั้น ยืนยันว่า การหารือของ สส.ในวันนั้น ทางพรรคไม่ได้มีการลงโทษ และไม่ได้มองว่าเป็นความผิดใดๆ ทั้งสิ้น
5.กรณีที่นางสาวกฤษฎิ์ ระบุ พรรคประชาชนได้มีการเตรียมคนมาลงสมัครแทน ยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายในการหาคนมาลงสมัครแทน เพราะการจะส่งใครลงสมัคร สส.ต่อหรือไม่นั้น พรรคมีกระบวนการ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยได้มีการสื่อสารกับ สส.ทุกคนอยู่แล้ว ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ ในการหาผู้สมัครมาแทน สส.คนใดก็ตาม ที่เป็น สส.ปัจจุบัน ไม่มี เรายืนยันว่า ยังไม่ได้มีกระบวนการคัดสรรตรงนั้น
จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถาม โดยเมื่อถามว่า มีหน่วยงานไหนบ้างที่จะยื่นตีความ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดในส่วนของชื่อหน่วยงาน แต่ยืนยันว่า มีมากกว่า 1 หน่วยงาน เนื่องจากต้องศึกษาเรื่องข้อกฎหมาย และเกรงว่าถ้าให้ข่าวไปตอนนี้ อาจจะมีการดำเนินการของฝั่งตรงข้าม ที่อาจจะทำคล้ายๆ ว่าเป็นการเสียรูปคดีได้ เพราะฉะนั้น ยืนยันว่า เราศึกษาทางช่องกฎหมายแล้ว และเราพบว่า มีช่องกฎหมายที่ดำเนินการในเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว
นายณัฐพงษ์ ระบุอีกว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ในทางปฏิบัติของพรรค ไม่ได้ถือว่านางสาวกฤษฎิ์เป็นผู้แทนราษฎรของพรรคอีกต่อไป ส่วนการดำเนินการในทางนิตินัย หรือทางกฎหมาย ก็เป็นเรื่องมาตรการ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานเกินกว่าหนึ่งเดือน เนื่องจากต้องรอคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ที่จะเกิดเหตุการณ์ในการแถลงข่าวของนางสาวกฤษฎิ์ มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการมาแล้วระดับหนึ่ง และนายปกรณ์วุฒิก็เป็นคนหนึ่งที่คุยกับนางสาวกฤษฎิ์โดยตรงมาตลอด ในฐานะที่คอยดูแล สส. ในภาพรวม ย้ำว่า พรรคเปิดกว้าง รับฟังทุกเหตุผลที่เขาให้มา แต่หลังจากที่ได้ฟังคำแถลงเหตุผลของเขา ก็พบว่า ทุกๆ อย่างไม่เป็นความจริง และพรรคได้เปิดกว้างให้กับเขามามากเพียงพอแล้ว
เพราะฉะนั้น เหลือเพียงเหตุผลสุดท้าย ที่อาจจะเชื่อได้ว่า การที่ตัวเขาเองแถลงว่า จริงๆ อยากลาออกในตอนแรก แต่สุดท้ายตัดสินใจอยากจะให้พรรคขับออกนั้น เพราะว่าอยากจะย้ายไปยังพรรคกล้าธรรม ซึ่งเรื่องนี้ ตนเองก็อาจจะไม่สามารถตัดสินได้ แต่ให้สาธารณชนลองประเมินในสถานการณ์ภาพรวมตามบริบททางการเมือง ที่พรรคการเมืองบางพรรค ก็พยายามที่จะดึงดูด สส.เข้าไปในพรรคตัวเองให้มากที่สุดหรือไม่ เพื่อใช้ในการเจรจาต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะอาจจะมีการปรับ ครม.ในเร็วๆ นี้
สำหรับกรณีจะมี สส.คนอื่นๆ ย้ายไปอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ ยืนยันตามข้อมูลที่ทราบ และจากการที่ได้พูดคุยกับคนในพรรค ว่า ไม่มีแน่นอน และเชื่อมั่นว่าเพื่อน สส.ที่เหลืออยู่ ไม่มีใครที่จะย้ายไปอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่นอน สำหรับกรณีที่ระบุพรรคไม่ได้ลงช่วยด้วย นั้น พรรคได้เปิดโอกาส และใช้กลไก เครื่องมือหลายๆ อย่างในการสนับสนุนการทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนข้ออ้างว่าเป็นพรรคฝ่ายค้าน แล้วไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แบบพรรคฝ่ายรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ในฐานะที่คุณเป็นผู้แทนราษฎร คุณต้องรู้หน้าที่ของคุณในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ว่าเป็นหน้าที่ในการตรวจสอบ แน่นอนที่สุด ถ้าอาศัยกลไกใดๆ ในการช่วยผลักดัน การที่รัฐบาลหรือคนที่มีอำนาจฝ่ายบริหารแก้ไขปัญหาบางอย่างให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ก็เป็นสิ่งดี แต่ข้ออ้างว่า ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ จึงต้องย้ายไปพรรคกล้าธรรมนั้น ตนคิดว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น
หากมองว่าอะไรที่เป็นแรงจูงใจหลักๆ ก็น่าจะเกิดจากการที่ได้มีการพูดคุยระหว่างเจ้าตัวกับคนในพรรคกล้าธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือพูดง่ายๆ คือดีลเกิดขึ้นแล้วแน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ตั้งวันที่จะมาแถลงข่าวในวันนี้ และประกาศตัวอย่างชัดเจน
นายณัฐพงษ์ ยังย้ำว่า จะมีการพิจารณาดำเนินการทางวินัยแน่นอน อย่างเช่นการตัดสิทธิ์พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคทุกอย่าง ส่วนการจะขับออกหรือไม่ขับออกนั้น เชื่อว่าวิญญูชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน และผู้ที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ ทุกคนอยากจะให้พรรคดำเนินการลงโทษ ไม่ให้คนที่ทรยศต่อเสียงที่ประชาชนเลือกมา ได้สิ่งที่เขาต้องการ
เพราะฉะนั้น การขับออก ณ ตอนนี้ สำหรับพวกเราเองมองว่า ไม่ได้เป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งเป็นทางเลือกสำรองในกรณีที่ถูกตีความว่า หนังสือฉบับนี้ ไม่ได้เป็นการลาออกจากสมาชิกพรรค ก็คือการดองงูเห่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่จะส่งผลให้ถูกขับออก ก็อาจจะเป็นช่องโหว่ทางรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ตอนแรกเจตนาของผู้ยกร่าง ต้องการให้ สส. มีเอกสิทธิ์ ไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบงำของพรรคการเมือง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือเจ้าตัว สส.นั้น ไม่ได้ปฏิบัติอุดมการณ์พรรคอีกต่อไป ความต้องการที่จะย้ายพรรค ด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ที่เขาไม่สามารถลาออกได้ด้วยตัวเองได้ หรือต้องพยายามบังคับให้เราขับออกนั้น ถ้าดูตามเจตนารมย์เป็นตัวตั้ง ทั้งของรัฐธรรมนูญเอง รวมถึงที่เจ้าตัวออกมาแสดงเจตนาชัด ว่าไม่ต้องการเป็นสมาชิกของพรรคประชาชนต่อไปก็ตาม ตนคิดว่าสิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำ เพื่อใช้ในการลงโทษเขา ก็คือการที่ไม่ให้สิ่งที่เขาต้องการ การขับออกไม่ใช่ทางเลือก
ส่วนเรื่องของมาตรการในการกระทำความผิดทางวินัยในต่างๆ เช่น ตามระเบียบข้อบังคับวินัยพรรคเขียนไว้ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเราเองก็ต้องลงโทษที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้คนที่กระทำผิดต่ออุดมการณ์พรรคได้สิ่งที่เขาต้องการด้วยการอาศัยช่องว่างของกฎหมาย
สำหรับการดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่แล้วนั้น เป็นอำนาจของ สส.เจ้าตัว ในความหมายก็คือ ตำแหน่งใดที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว ถ้าจะออก เขาต้องลาออกเอง ส่วนตำแหน่งกรรมาธิการในอนาคตที่เป็นโควตาของพรรค จะไม่มีการเสนอชื่อใดๆ ให้เขาไปดำรงตำแหน่งอีกต่อไป
สำหรับกรณีหากมีการตีความว่าเป็นการลาออกนั้น เขาก็จะพ้นจาก สส. และการเป็นสมาชิกพรรคประชาชน ซึ่งคือการสิ้นสุดสมาชิกภาพ สส.ทันที ส่วนกรณีที่หน่วยงานตีความว่า ไม่ใช่หนังสือการลาออก นั้น หากยังมีขั้นตอนต่อไป แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด
ขณะที่นายสหัสวัต ชี้แจงในกรณีการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคนว่า คำว่าการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคนนั้น ตนเองไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่านางสาวกฤษฏิ์ หมายถึงอะไร ยืนยันว่าการสร้างพรรคกับการสร้างคนเป็นเรื่องเดียวกัน ดูได้จากพรรคอนาคตใหม่ มาก้าวไกล และประชาชน ยืนยันว่าเป็นการสร้างเครือข่ายเชิงคนที่จับต้องได้ให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เรามีการทำงานเครือข่ายเชิงประเด็น เช่น เครือข่ายแรงงาน เครือข่าย LGBTQIA+ เครือข่ายอื่นๆ ที่เราทำงานกันอย่างแข็งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างคนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเติมองคาพยพ เช่น ของสมาชิกพรรคมีหลักสูตรต่างๆ ที่ให้สมาชิกพรรคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาเรียนรู้ เข้ามาหาความรู้ได้ตลอด
นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยสภาที่แล้ว หลายเรื่องประชาชนได้โหวต เช่น เรื่องประกันสังคม เพราะเป็นกระแสจริง และไม่ได้เกิดการแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นประโยชน์กับชีวิตประชาชน และเรื่องคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องปลาหมอคางดำ หลายๆเรื่องที่เราผลักดันประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปก็จะเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำเป็นการสร้างกระแส หรือว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ส่วนกรณีที่ สส.ของพรรคประชาชนในพื้นที่เขตเดิมกลายเป็นงูเห่าซ้อนกัน 2 ครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่ หรือไม่ นายสหัสวัต กล่าวว่า ว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายหลังการแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคประชาชน มีบรรดาด้อมส้ม กลุ่มเดิมจากเมื่อเช้าที่มาก่นด่า สส.กฤษฎิ์ ต่างกอดให้กำลังใจ นายณัฐพงษ์ และสส.พรรคประชาชน ซึ่งถูกมองว่า เป็นคนละเรื่องกับเมื่อเช้านี้ โดยได้หันไปหา สส.ชลบุรี ที่มาร่วมแถลงข่าวว่า อย่าเป็นงูเห่า อย่าย้ายไปไหน ถ้ารู้ว่าจะย้าย เดี๋ยวจะมาด่าถึงที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'รักชนก-สหัสวัต' หอบหลักฐานร้อง ป.ป.ช. ฟัน 'สุชาติ' ปมซื้อตึก สปส. แพงหูฉี่
'รักชนก-สหัสวัต' ยื่นคำร้อง 'ป.ป.ช.' สอบ 'สุชาติ' พ่วงปลัดแรงงาน ปมซื้อตึกสกายไนน์แพงเกินจริง 2 เท่า ฟาด 'นายกฯ' ตั้งใครเป็น รมต. ควรเกรงใจประชาชน-ผู้ประกันตนด้วย
'อนุทิน' ไม่ปฏิเสธ กลุ่ม สส.เพชรบูรณ์ ย้ายซบภูมิใจไทย เปิดตัวทีมงาน 'สันติ' โชว์สื่อ
“อนุทิน” ควง “จิตรา” โชว์สื่อ บอกมาสมัครสมาชิกภท.แล้ว ทำเนียนตีมึน ภาพ “สันติ” ร่วมเฟรม “เนวิน-ชาดา” บอก ไม่รู้จะตอบยังไง ปัดตอบเพิ่ม สส.ต่อรองปรับ ครม.
'รังสิมันต์' จี้ 'แพทองธาร' ประกาศให้ชัดความสัมพันธ์ครอบครัวไม่ใหญ่กว่าความสำคัญของชาติ
'รังสิมันต์' เชื่อ ปม 'ไทย-กัมพูชา' คุยแบบทวิภาคีสร้างบาดแผลน้อยที่สุด แนะตัดไฟก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อให้ไทย ซัด 'นายกฯ' ต้องประกาศให้ชัดความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศ
'ศิริกัญญา' ชี้โยกงบ 68 ไม่เข้าข่ายมาตรา 144
'ศิริกัญญา' มอง ป.ป.ช.รับเรื่อง กมธ.ปรับลดงบ 68 รวม 3.5 หมื่นล้านไปกระตุ้น ศก.ไม่เข้าข่าย ม.144 ชี้ แต่หากผลออกมาว่าผิด อาจเป็นนิติสงคราม
'ศิริกัญญา' บอก 4 หน่วยงานหลักรับกลางวง กมธ.ปีนี้และปีหน้าเศรษฐกิจดิ่งเหว
'ศิริกัญญา' เผย 'กมธ. งบ 69' หน่วยงานเข้าแจงรับ GDP ปีหน้าตกเหลือ 1.6% เชื่อปี 70 หนี้สาธารณะทะลุเพดาน หากยุบสภาเร็ว ไม่รู้รัฐบาลไหนจะมาแบกต่อ เชื่อ 'รักชนก' คุณสมบัติครบนั่งรองประธาน กมธ.
'เจ๊ไหม' หวั่นหนี้ท่วมบอกอีก 2 แสนล้านจะชนเพดานแล้ว
'ศิริกัญญา' ห่วงเศรษฐกิจไทย เจอปัญหาซ้ำเดิม หนี้สาธารณะท่วม แตะ 69% ของ GDP เหลืออีก 2 แสนล้านบาทจะชนเพดาน สงสัย 'คลัง' รับมืออย่างไร จี้ ถาม 'ธปท.' เข้าสู่ภาวะเงินฝืดจริงหรือไม่