'รังสิมันต์' เตือนรัฐบาลอย่าประมาทกัมพูชายื่นศาลโลก เหตุถูกเตรียมการมานานแล้ว

'รังสิมันต์' ย้ำ กรณี 'กัมพูชา' จ่อยื่นศาลโลกประมาทไม่ได้ เหตถูกเตรียมการมานานแล้ว ชี้ ไม่รู้ถก JBC จะจบอย่างไร ยัน 2 ฝ่ายควรใช้กลไกทวิภาคี จี้ 'นายกฯ' ใช้งบกลาง สร้างบังเกอร์ เพื่อความปลอดภัยของ ปชช. แนะ 'รัฐบาล' เพิ่มมิติการปราบแก๊งคอลฯ เพิ่มแต้มต่อให้ฝ่ายไทย เผย 26 มิ.ย.นี้ เตรียมเชิญ 'กต.-นักวิชาการเชี่ยว กม.ระหว่างประเทศ' ร่วมหารือ

12 มิถุนายน 2568 - ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงภายหลังการประชุม ว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆ ในทุกมิติ รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ในหลายทาง ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องต้องกัน ในยุทธศาสตร์และการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ให้คำแนะนำกับทางรัฐมนตรีว่า รัฐบาลสมควรที่จะเพิ่มมิติที่เกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย ในอีกส่วนหนึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญ ในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา อีกทั้งเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้ฝั่งไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องศาลโลก แน่นอนว่า
กัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การ
ใช้กลไกศาลโลกแน่นอน คณะกรรมาธิการฯ จึงได้เสนอแนะว่า มีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ไม่สามารถประมาทได้ หลังจากมีประเด็นเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร เราเองก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะวางใจได้

เนื่องจากเราทราบว่า กัมพูชามีการเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลานานแล้ว ในเรื่องของการเตรียมการขึ้นสู่ศาลโลก ทางประเทศไทยต้องเตรียมทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงกลไกที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ เราเชื่อว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์ เพื่อส่งเรื่องศาลโลกอย่างแน่นอน ไทยต้องมีการเตรียมทั้งตั้งรับ และเชิงรุก

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือหลุมหลบภัย หรือบังเกอร์ ต้องยอมรับว่ากัมพูชา มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีศักยภาพในยิงระยะไกลกว่าเดิม แม้เราจะมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย แต่การเตรียมการของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ คณะกรรมาธิการฯ จึงได้ให้คำแนะนำว่า นายกรัฐมนตรี มีงบกลางในการที่จะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน ในการที่จะต้องเร่งสร้างหลุมหลบภัยให้เพียงพอกับความต้องการ และก็ให้สามารถที่จะตอบโจทย์กับสถานการณ์ ที่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

“เราไม่รู้ว่า การประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย. จะจบอย่างไร แต่สิ่งที่เราเริ่มเตรียมการได้ คือการทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยของเราปลอดภัยที่สุด เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของหลุมหลบภัย และในเรื่องของงบประมาณ ไม่ต้องไปบอกให้หน่วยงานไหนทำอะไร เอานายกรัฐมนตรีเลย ท่านต้องสั่งการในเรื่องนี้“ นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ว่า การประชุม JBC จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้ง อย่าง ปราสาททั้ง 3 และอีกหนึ่งพื้นที่ ที่ทางกัมพูชาพยายามบอกว่า เป็นพื้นที่ของเขา เช่น บริเวณช่องบก มาพูดคุย ตามที่กัมพูชายืนยัน แต่ทางเรา ตนคิดว่า อย่างไรเราก็ต้องคุย ไม่เช่นนั้น ก็จะหาทางออกไม่ได้ และต้องยืนยันด้วยว่า ถ้าเราดูจากเอ็มโอยู 43 ก็มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ โดยเราต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายไทยเท่านั้น เพราะคือเครื่องมือ ที่จะลดความขัดแย้งได้จริง ส่วนการไปสู่ศาลโลก หรือกรณีใดก็แล้วแต่นั้น สุดท้ายเรามีบทเรียนแล้ว ในเรื่องของปราสาทเขาพระวิหารว่า ไม่ได้จบจริง มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงต้องใช้กลไกทวิภาคี

อีกทั้ง เราควรที่จะมองหา ในเรื่องของการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคี ก็จะทำให้สุดท้ายแล้ว กัมพูชาจะยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะในเรื่องมิติเศรษฐกิจเอง เพราะเราต้องไม่ลืมว่า กลไกอย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้น สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลกจริงๆ และเม็ดเงินที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่า กัมพูชาปล่อยให้มีการตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปฏิเสธการไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะแม้ในวันที่ตั้งอาจจะไม่รู้ แต่เมื่อตอนนี้รู้แล้ว และก็มีหลายจุด จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ดังนั้น จึงมีหลายหลายมิติที่ตนคิดว่า ประเทศไทยสามารถที่จะหยิบยกไปพูดคุย ไม่จำเป็นต้องพูดคุยแค่เฉพาะ ในเรื่องของ 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ซับซ้อนเท่านั้น ยังมีอีกหลายจุด เพื่อนำไปสู่การทำให้ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธ หรือลดโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำ

เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราต้องยอมรับว่า ทางฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังค่อนข้างมาก ส่วนในมิติการพูดคุย วันนี้เราก็ต้องชื่นชม โดยเฉพาะ พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเจรจาจนกัมพูชายอมถอย และเป็นส่วนสำคัญในการพูดคุย เพื่อทำให้บรรยากาศที่ร้อนแรงลดลงไป แต่หากถามว่า ลดลงไปทั้งหมดหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่า ยังมีงานที่เราต้องทำอีกเยอะ ในการที่จะลดความร้อนแรง ไม่ใช่แค่ลดในเรื่องของเงื่อนไขทางทหาร เพราะไม่ใช่ทุกอย่าง อาจจะเป็นหนึ่งในกลไกที่กัมพูชามองว่า มีส่วนที่เขาอาจจะได้เปรียบบางอย่าง ไม่ใช่ความหมาย คือการแพ้ชนะ แต่รวมไปถึงการใช้กลไกอย่างศาลด้วย

สิ่งสำคัญคือ กัมพูชาต้องการที่จะยกระดับไปสู่ศาลโลก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถใช้กลไกนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งที่ไทยต้อง คือทำให้กลายเป็นการพูดคุยกับทวิภาคี ต้องมีการวางไพ่ในแต่ละใบ วันนี้เราก็คงต้องช่วยกันสนับสนุน โดยเฉพาะการทำงานของผู้ปฏิบัติหน้างาน รวมถึงฝ่ายนโยบาย ที่จะทำให้เกิดความเป็นเอกภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตนี้ให้ได้

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะมีการหารือเพื่อเตรียมการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาลโลก รวมถึงจะมีการติดตามเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และจะเชิญทั้งกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงนักวิชาการที่เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' รับขาดสะบั้นสัมพันธ์ 'ฮุนเซน' สุดช็อกทำลูกผมขนาดนี้ แจงยิบที่มาคลิปเสียงอุ๊งอิ๊ง

"ทักษิณ" รับ ขาดสะบั้นสัมพันธ์ "ฮุน เซน" ลืมชื่อกันไปแล้ว เชื่อ คลิปหลุด ตั้งใจอัด โอด น่าเจ็บใจ ทำได้กันอย่างไร แซะ คงไปเหยียบตาปลาอะไรสักอย่าง

สภาฯ ถกนิรโทษกรรม 5 ฉบับ 'รังสิมันต์' เชื่อล้างผิดคดี 112 เป็นทางออกให้สังคมไทย

สภาฯถก ร่างกม. นิรโทษกรรม รวม 5 ฉบับ “รังสิมันต์“ ชี้ต้องเปิดกว้างการนิรโทษกรรม-ไม่เลือกปฏิบัติ ยันคนโดนคดี112 เพราะถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ วอน สภาฯ อย่าโหวตคว่ำ ขณะที่ ”ภราดร” ย้ำไม่หนุนนิรโทษฯ 112

แม่ทัพภาค 2 ชี้ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย!

แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย นัดพบเจรจาไร้อาวุธสัปดาห์ละ 3 วัน พร้อมเดินหน้าสร้าง-ซ่อม ถนนชายแดน ภูมะเขือ- รวงผึ้ง หลังไม่ได้พัฒนาตั้งแต่2554

ศูนย์กลางแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์! กัมพูชาผุดรังใหม่ 'สแกมเมอร์' ตรงข้ามด่านช่องจอม สุรินทร์

หลังจากทางการกัมพูชาถูกนานาชาติเปิดโปงข้อมูลว่ากัมพูชาเป็นแหล่งศูนย์กลางสแกมเมอร์โลก การค้ามนุษย์ และหลอกลวงออนไลน์ ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)

พปชร. กระทุ้งรัฐบาลอย่าปล่อยกัมพูชาป่วนเวทีโลก ต้องรีบชี้แจงตอบโต้ ไม่ใช่พูดเหมือนน้ำท่วมปาก

ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค พปชร. แถลงความเห็นต่อท่าทีของรัฐบาลไทย ในวิกฤตการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า รัฐบาลยังคงไม่แสดงรายละเอียดในการตอบโต้กัมพูชาเพื่อปกป้องเกียรติภูมิของชาติ