
แกนนำ 121 สส. พรรคประชาชน ร้องสอย ‘พิเชษฐ์’ มั่นใจหลักฐานชัด ข้าราชการสภาฯ ส่งให้ เหตุทนแรงบีบไม่ไหว เปิดมาตรา 144 หากไม่รอด โดนตัดสิทธิตลอดชีวิต
18 ก.ค. 2568 – จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดให้วันที่ 1 ส.ค. เป็นวันลงมติวินิจฉัยคำร้องคดีที่ สส. พรรคประชาชน 121 คน ที่นำโดย นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องเป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการ เสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรง หรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
และกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 ที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสองนั้น
นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะผู้ร้องหลักในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า คำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องของการแปรงบประมาณรายจ่ายฯ ประจำปี ไปลงในพื้นที่ตัวเอง ในรูปแบบการตั้งงบอบรมสัมมนาหลายร้อยโครงการ รวมแล้วยอดวงเงินงบประมาณเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท มีทั้งจัดงบในลักษณะการฝึกอาชีพ-โครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนและเยาวชน ด้านกีฬา มีการเขียนโครงการออกมาเยอะมากแต่พบว่ามีการเอางบไปลงในพื้นที่ของตัวเองที่จังหวัดเชียงราย และใช้งบไม่หมด
การกระทำดังกล่าว ทำให้ข้าราชการของรัฐสภาลำบากใจ เพราะรู้ว่าผิดระเบียบและสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 โดยมีการแปรเปลี่ยนงบประมาณไปทำในส่วนอื่น ที่ไม่ได้ตรงกับวัตถุประสงค์เดิม ส่วนใหญ่จะนำไปออกแบบทำโครงการต่างๆ ที่อยากจะทำในสภาฯ มีการแปรงบ โดยมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์โครงการ เช่นเดิมมีการขอตั้งงบเพื่อนำไปจัดทำโครงการอบรมสัมมนา ก็นำไปทำโครงการเช่นศึกษาการปรับปรุงบริเวณสระมรกต-งบปรับปรุงศาลาแก้ว ทำโปรเจกต์เยอะ แปรงบไปทำโครงการศึกษาการก่อสร้างต่างๆ ก็ผิดอีกดอกหนึ่งไม่ตรงกับที่ขอไว้ เป็นเรื่องการแปรงบ
นายภัณฑิล กล่าวว่า ที่มาที่ไปของการตรวจสอบการใช้งบดังกล่าว เกิดขึ้นตอนที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนายพริษฐ์ วัชรสินธุเป็นประธานกรรมาธิการฯ เรียกขอดูข้อมูลงบต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร เพราะอยากเห็นข้อมูลโครงการต่างๆ เพราะพบว่ามีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด เมื่อเห็นข้อมูลก็ตกใจ เพราะมีโครงการค่อนข้างเยอะ เช่นการทำพิพิธภัณฑ์ การปรับปรุงศาลาแก้ว การปรับปรุงห้องประชุมต่างๆของสภาฯ โดยที่รัฐสภาใช้งบก่อสร้างกว่าสองหมื่นล้านบาท ยังใช้ไม่ได้เต็มที่แต่จะมาขอตั้งงบปรับปรุงรัฐสภา อย่างห้องประชุม ตั้งงบปรังปรุงร้อยกว่าล้านบาท จุดนี้ก็เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้สงสัยว่าจะใช้งบประมาณอะไรเยอะขนาดนั้น ก็เลยไปขุดแล้วนำประเด็นนี้ไปแถลงข่าวจนเป็นประเด็นขึ้นมา
หลังจากนั้น ก็มีข้าราชการของสภาฯ ส่งข้อมูลมาให้หลังไมค์กันเต็ม เพราะข้าราชการเขามีความอึดอัด พูดอะไรไม่ถูกเพราะฝ่ายบริหาร ข้าราชการการเมือง โดยรองประธานสภาฯ มีการสั่งการไป จะเอาโน้นเอานี้ให้ทำอะไรต่างๆ เขาก็ลำบาก มีข้าราชการส่งเอกสารต่างๆ มาให้หลังไมค์มาให้ข้อมูลถึงละเอียดมาก ข้าราชการเขาไม่พอใจ ลำบากใจเพราะหากทำแล้วสุดท้ายคนที่จะซวยคือพวกเขาเอง หากทำไปบั้นปลายชีวิตต้องไปติดคุกติดตะราง หรือมีคดีเป็นชนักติดหลังเต็มไปหมด เขาก็ไม่อยากทำ มีการทำเรื่องขอย้ายหนีกันหมด
เมื่อถามถึงกรณีโครงการ ที่ร้องว่าผู้ถูกร้อง นายพิเชษฐ์ มีส่วนโดยทางตรง หรือทางอ้อม มีรายละเอียดอย่างไร นายภัณฑิล กล่าวว่า มีการ copy and paste เพราะมีธงมาอยู่แล้วว่าจะใช้เงินเป็นหลักร้อยล้านบาท และแต่ละโครงการก็หลักแสน-สองแสน ตอนแรกจะแจกเป็นเงินด้วยซ้ำไป แต่ว่าขัดกับระเบียบของสภาฯ และขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่สามารถแจกเงินได้ เลยมีการปั้นโครงการขึ้นมา มีการให้คนไปเขียนโครงการขึ้นมาจนมีการโต้แย้งหลายครั้งจากข้าราชการของสภาฯ เพราะต้องผ่านคณะกรรมการของสภาฯ ก็มีการปรับลดและมีการขอจัดสรรงบไปที่รัฐบาลก็โดนตัดไปรอบหนึ่งแล้วมาที่สภาฯ ตั้งแต่ปี 2568 แล้วมีความพยายามจะแปรงบประมาณกลับเข้ามาในลักษณะของบเพิ่ม แม้จะไม่ได้เท่าเดิม แต่มีความพยายามจะเอาให้ได้ โดยจำนวนโครงการมันเยอะ
“ลักษณะที่ไปตรวจสอบดูมันเหมือนกับ copy and paste หน้าตาเหมือนกันหมดแค่เปลี่ยนคนเซ็น ก็อปวันที่ ก็อปfront และลายมือแทบจะเหมือนกัน มีการเรียงหมู่-อำเภอ ในเขตเลือกตั้ง ก็เรียงมาทุกหมู่ครบ แล้วก็มีการของบ สุดท้ายก็มีคนมาฟ้องว่าพอไปจัดงานจริง ก็ให้ชาวบ้านเอาอาหารมาเอง เอาของมาเอง คือพยายามจะทอนให้ได้เยอะที่สุด ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีคนมาค้าน หากมีการแจกเงินจริง เพราะถ้าคนชอบ ประชาชนก็ต้องมาด่าผมว่าที่ผมออกมาเปิดเผยข้อมูลทำให้ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ ก็พบว่าไม่มีใครมาไฟต์ให้เขา (ผู้ถูกร้อง) เลย ที่แปรงบแล้วไปทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีประชาชนมาช่วยปกป้องให้เลยสักคน เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เป็นการจัดเพื่อนับหัวแล้วเบิกเงินออกมา ข้าราชการสภาฯ ก็บอกว่าไม่ไหวคือปฏิบัติไม่ได้จริง แต่ขอเพื่อเอามาทำอย่างอื่น” นายภัณฑิล ระบุ
ส่วนกรณีที่เคยอภิปรายในที่ประชุมสภาฯ โดยมีการะบุว่ากระบวนการตั้งงบดังกล่าว มี สส.พรรคเดียวกับรองประธานสภาฯ ชื่อ นาย พ.และนาย ท. นั้น นายภัณฑิล กล่าวว่า ในส่วนของ ”พ” ก็ได้เปิดไปแล้ว และในคณะกรรมาธิการ-อนุกรรมาธิการที่ดูเรื่องกิจการของสภาฯ เรื่องการออกแบบต่างๆ จะมีคนตั้งทีโออาร์ขึ้นมา ครั้งแรกก่อนจะมีการจ้างทำ จะมีคณะกรรมการที่เหมือนกับมาฟอกขาวเพื่อให้ทุกคนมาสมคบคิดกันและรู้เห็นเป็นใจกันหมด แต่ก็มีอยู่ไม่กี่คนก็ไปตรวจสอบชื่อดูได้ “ท.” ก็เป็น สส.เชียงรายอีกเขตหนึ่งของพรรคเดียวกัน ไปเช็กดูได้ ที่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้องอะไรให้ เงียบกันหมด ขนาดพรรคเขาเองยังไม่กล้ามาช่วย เพราะเรื่องมันก็ร้ายแรงอยู่ เอาคนเดียวไม่แบ่งคนอื่น คนก็ด่า
นายภัณฑิล เปิดเผยว่า ขณะนี้นายพิเชษฐ์ ได้ฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาทหลังมีการแถลงข่าวและออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว หลังจากนี้ก็จะสู้คดีไปเพราะมีหลักฐานตามที่ได้รับมา ไม่ใช่เป็นการนำความเท็จไปเผยแพร่ เป็นหลักฐานที่ไม่ได้เขียนขึ้นมาเอง และพิสูจน์แล้วว่าเป็นตามนั้นจริงๆ โดยมีทั้งการไปแจ้งความและฟ้องศาลเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาชนดำเนินการไป
ทั้งนี้ มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญมีการบัญญัติไว้ชัดเจน โดยในส่วนของ สส. ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อย่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ที่เสนอเข้าสภาฯ ก็ตัดได้อย่างเดียว ห้ามไปเพิ่ม ห้ามไปล็อบบี้อะไรเช่น ของบไปลงพื้นที่ เป็นกฎเหล็กที่รู้กันอยู่แล้วว่าห้ามแปรงบเข้าเขตเลือกตั้งของตัวเอง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2560 มีบทบัญญัติห้ามกระทำไว้ เป็นเรื่องที่ต้องระวังเพราะเคยมีเคสมาก่อนหน้านี้แล้วของสภาฯ ที่มีการแปรงบ จนเป็นคดีความ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องเดือดร้อน โดน ป.ป.ช. สอบสวน มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ช่วงหลังก็เบาลงเพราะว่ามันร้ายแรง โดนตัดสิทธิตลอดชีวิต หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยมา ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อถามว่า หากเกิดกรณีคำร้องคดีนี้ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิด ก็จะยิ่งทำให้นักการเมืองไม่กล้าทำแบบนี้ เพราะที่ผ่านมา มันอาจมีการทำแต่ไม่ได้โจ่งครึ่ม ครั้งนี้อาจเพราะประมาท นายภัณฑิล กล่าวว่า อันนี้คือย่ามใจ เพราะจำนวนมันเยอะ และทำแบบไม่เกรงกลัว มีการแปรกลับ และมีการบุกเข้าไปในห้องประชุมคณะกรรมาธิการฯ เพื่อมายืนยันว่าจะเอางบตัวนี้ให้ได้ จนข้าราชการสภาฯ เขาก็ไม่ไหวแล้ว เขาทำแทนให้ไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่แค่ล้านหรือสองล้านบาท แต่มันหลายร้อยล้านบาท ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายในการระงับยับยั้งความเสียหาย ไม่ให้มันเกิดไปมากกว่านี้ เพราะงบของสภามาจากภาษีประชาชน
“เราต้องตระหนักว่า หากเราจะตรวจสอบงปบระมาณของคนอื่น แต่สภาฯ เรากลับเป็นเสียเอง ใช้เสียเอง เราหรูหราอลังการอยู่คนเดียว มีการสร้าง-ปรับปรุงอะไรต่างๆ มากมาย แล้วจะมีหน้าไปตรวจสอบคนอื่นได้อย่างไร ถ้าตัวเราเองยังไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องได้เลย เราก็ทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าขนาดตัวเราเอง เราก็ต้องเข้ม ไม่ให้คนเขามาปรามาสได้ว่าว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง อันนี้สำคัญมาก เพราะสถาบันนิติบัญญัติถือเป็นสถาบันหลักที่ตรวจสอบงบประมาณของฝ่ายบริหาร ก็เป็นหมุดหมายที่เราปักได้ว่า สส. ห้ามไปยุ่ง เราต้องรักษามาตรฐานตรงนี้” สส.ภัณฑิล ผู้ร้องคดีดังกล่าว ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้
"เต้ ทวิวงศ์" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน
บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน
อึ้ง! คลิปผู้ช่วยสส.พท. สร้างจากเอไอ ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่ เรียกร้อง ปชน.ตรวจสอบรัฐบาล
เพจเฟซบุ๊ก Cofact โคแฟค โพสต์ข้อความ เรื่อง เนื้อหาที่ตรวจสอบ : คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน ระบุว่า


