รมว.ต่างประเทศ แถลงประณามกัมพูชา โจมตีพลเรือนไทย-เด็ก 8 ขวบดับ

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ แถลงประณาม กัมพูชารุกรานชายแดน วางทุ่นระเบิดเขตไทยทำทหารสาหัส โจมตีโรงพยาบาล–โรงเรียน ยื่นข้อเท็จจริงต่อ UNSC ปัดข่าวเท็จกรณีปราสาทพระวิหาร และย้ำแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

26 กรกฎาคม 2568 – เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย แถลงข่าวสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2568 พร้อมชี้แจงผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมระดับสูงที่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตยของไทยในเวทีโลก

นายมาริษ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติภารกิจที่สหประชาชาติ ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 24 ก.ค. 2568 ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน โดยโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทหาร เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีพลเรือนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเด็กวัย 8 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

“ผมเชื่อว่าไม่มีประเทศใดยอมรับการกระทำเช่นนี้ได้” นายมาริษ กล่าว พร้อมระบุว่าการกระทำของกัมพูชาไม่เพียงละเมิดอธิปไตยของไทย แต่ยังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งสมควรได้รับการประณามจากประชาคมโลก

นายมาริษ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ประณามการรุกรานของกัมพูชา ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชายุติการโจมตีและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายมาริษ ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ส่งผลให้ทหารไทย 2 นายบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขา “ผมเสียใจอย่างยิ่งกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น และขอชื่นชมความกล้าหาญของทหารไทยทุกนายที่เสียสละเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ” นายมาริษ กล่าว พร้อมย้ำว่าประเทศไทยดำเนินการทุกอย่างด้วยความสุจริตใจในการแก้ไขปัญหาเขตแดน แต่การกระทำของกัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ต้องชี้แจงต่อประชาคมโลกโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ ตนจึงจำเป็นต้องเดินทางไปชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศด้วยตนเองและโดยเร็วที่สุด

รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า การเดินทางไปสหประชาชาติเพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (HLPF) เป็นโอกาสสำคัญในการชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากหลายประเทศ ได้แก่ เลขาธิการสหประชาชาติ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน (ประธาน UNSC), รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปานามา (ว่าที่ประธาน UNSC วาระถัดไป), รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (ประธานคณะกรรมการประจำอนุสัญญาออตตาวา), และผู้แทนประธานาธิบดีรัสเซีย

ในการหารือ นายมาริษ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน ย้ำจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคี และประณามการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชาในกรณีวางทุ่นระเบิด นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ยื่นหนังสือชี้แจงต่อประธาน UNSC เพื่อให้สมาชิกได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

นายมาริษ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 25 ก.ค. 2568 (ตามเวลานิวยอร์ก) UNSC ได้จัดการประชุมแบบปิด โดยมี 15 ประเทศสมาชิก รวมถึงไทยและกัมพูชาเข้าร่วม ฝ่ายไทยย้ำว่ากัมพูชาเป็นผู้เริ่มโจมตี โดยโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ขณะที่ถ้อยแถลงของสมาชิก UNSC เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ หยุดยิง และแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี พร้อมสนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ย โดยย้ำว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และที่ประชุมไม่ได้มีมติหรือออกเอกสารใดๆ

รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม สำหรับข้อเสนอหยุดยิง ซึ่งไทยเห็นด้วยในหลักการ โดยกัมพูชาจะต้องหยุดโจมตีและแสดงความจริงใจ ไทยพร้อมหารือกับมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนอย่างสร้างสรรค์เพื่อหาข้อยุติต่อไป

เขา ชี้แจงกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่ากองทัพไทยรุกรานและทำลายปราสาทพระวิหารว่า เป็นข้อมูลเท็จและไร้หลักฐาน โดยการปะทะเมื่อวันที่ 24 ก.ค. เกิดขึ้นที่ห้วยตามะเรียและภูมะเขือ ซึ่งอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่กระสุนจะส่งผลกระทบถึงตัวปราสาท ฝ่ายไทยได้ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านหนังสืออย่างเป็นทางการแล้ว

ทั้งนี้ นายมาริษ ได้สั่งการให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศไทย ทำหนังสือประท้วงต่อคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เกี่ยวกับการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ซึ่งรัฐบาลไทยไม่อาจยอมรับได้

นายมาริษ ย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกลับสู่การเจรจาด้วยความสุจริตใจ สุดท้าย นายมาริษ ส่งกำลังใจถึงประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศไทยจะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของคนไทยอย่างเต็มความสามารถ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉเล่ห์เขมร ส่งหนังสือเจรจาหยุดยิง เสนอให้ถอยกำลังทหารกลับไปจุดเดิมก่อนปะทะ

พลตรีสุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พลเอก เตีย เซรย ฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกมา ชี้แจงหนังสือที่ส่งถึงไทยไม่ใช่เป็นการขอเจรจาหยุดอิงว่า เรื่องของการหยุดยิงหรือไม่หยุดยิงนั้นได้ มีการชี้แจงไปแล้วในช่วงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

กต. เร่งชี้แจงทูตอินเดีย รื้อถอนสิ่งก่อสร้างเพื่อควบคุมพื้นที่ ไม่ใช่เทวสถาน

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศ ต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการประชุม เช่น วานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ในหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานความช่วยเหลือแก่กำลังพล-ประชาชนในพื้นที่ชายแดน

พระเจ้าอยู่หัวฯพระราชทาน ความช่วยเหลือแก่กำลังพล-ประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ พร้อมให้พิจารณาสิทธิพิเศษเพิ่มเติมแก่ทหาร-ครอบครัวที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

กองทัพแจงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอมในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ใช่ศาสนสถาน

ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตามที่มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายประติมากรรมทางศาสนา ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนก่อให้เกิดความห่วงกังวลและการตีความที่หลากหลายในสังคมนั้น

เสธ.​ทบ.​ ลั่น​จุดยืนไทย กัมพูชา​ต้องประกาศหยุดยิงก่อน​ ไม่ใช่หยุดพร้อมกัน

พลเอกชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์​ เสนาธิการทหารบก​ กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชาโดยทั่วไป ซึ่งปัจจุบันยังเป็นไปตามเป้าหมายของกองทัพที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็ยังเดินไปตามแผนที่เราได้คาดการณ์ไว้เหลืออีกเพียงบางส่วน ซึ่งในพื้นที่ปฏิบัติการจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้