
‘เพื่อไทย‘ แนะ ‘ปชน.’ เติมคำต่อท้ายคำขวัญพรรค ‘พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค อนุรักษ์นิยมใหญ่กว่าใคร” ยัน พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบรัฐบาลตั้งแต่วินาทีแรก ลั่น หากเห็นความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้ง ‘ที่ดินเขากระโดง-ฮั้ว สว.’ พร้อมเข้าชื่อซักฟอก แม้ยังไม่ครบกำหนด 4 เดือน ลั่น “รัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้ว แต่พรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนหัวใจ เพราะหัวใจของเรายืนอยู่ข้างประชาชนเสมอ”
วันที่ 7 ก.ย. 2568 น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการลงมติจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลแล้ว แต่ขอยืนยันว่า เราจะเดินหน้าทำงานต่อในฐานะพรรคฝ่ายค้านภายใต้หลักการของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเราพร้อมเริ่มงานตั้งแต่วินาทีแรกที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
น.ส.ขัตติยา กล่าวยืนยันถึงประเด็นสำคัญที่รัฐบาลเพื่อไทยดำเนินการอยู่ตลอดจะไม่สูญเปล่า คือ การดำเนินคดีกับการบุกรุกที่ดินเขากระโดง และการตรวจสอบการฮั้วการเลือกตั้ง สว. ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสำคัญและจับตามองว่ามีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่ปัจจุบันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งพรรคพท.จะตรวจสอบและจับตาทุกฝีก้าวว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้จะดำเนินการกับสองเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้ หากพบว่ามีความพยายามที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือทำให้คดีมีความล่าช้า พรรค พท.จะใช้ทุกช่องทางการตรวจสอบที่มีอยู่เพื่อเป็นการหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาและหลักนิติรัฐ และหากเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นว่ามีความพยายามที่จะเสแสร้งกระบวนการยุติธรรมทั้งในกรณีของการบุกรุกที่ดินเขากระโดง และการฮั้วเลือกตั้ง สว. พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้าชื่อเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีโดยทันที แม้ว่าจะยังไม่ครบกำหนด 4 เดือนตามบันทึกข้อตกลงส้ม-น้ำเงิน
“ขอบอกว่าความยุติธรรมต้องไม่ถูกซื้อ ความจริงต้องไม่ถูกปกปิดและอำนาจต้องถูกตรวจสอบ แม้รัฐบาลภูมิใจไทยชุดนี้จะมาตามระบบรัฐสภาก็ตามผ่านการตัดสินใจยกมือของพรรคประชาชนแต่ภายใต้เงื่อนไขพิสดารเช่นนี้ ย่อมยากที่จะคาดหวังในการบริหารประเทศภายใต้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนในฐานะที่เป็นคะแนนเสียงหลัก ของการตั้งรัฐบาลชุดนี้ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองได้“ น.ส.ขัตติยา กล่าว
น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า หลายคนอาจตั้งคำถามว่าการตั้งรัฐบาลชุดนี้แตกต่างอย่างไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2566 ตนขอเรียนว่าการตั้งรัฐบาลทั้งสองครั้งนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสอง เราเคยยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้งเต็มๆ และพรรคก้าวไกล ก็ได้ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลแต่เมื่อไปเจรจาเพื่อหาคะแนนเสียงเพิ่มเติมจากพรรคอื่นทุกพรรคกลับปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล โดยพรรคแรกที่ปฏิเสธคือพรรคภูมิใจไทย
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยเราจึงต้องเดินหน้าต่อในการจัดตั้งรัฐบาลโดยการไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วม และจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยแตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้ทำในวันนี้คือ ยกมือสนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอนุรักษ์นิยมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่รวมรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า การตั้งรัฐบาลนี้สำเร็จบทบาทของพรรคประชาชน ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ไม่ได้จบเพียงแค่การเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยังต้องทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมให้พรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติของการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่านายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน จะประกาศเชิญชวนให้พรคเพื่อไทยมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง แต่ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยเป็นฝ่ายค้านที่อ่อนแอ
น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า นับจากวันนี้ ตนอยากให้พรรคประชาชนได้ทบทวนความหมายของการเป็นฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งอีกครั้งว่า ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งนั้นควรทำหน้าที่เป็นผู้ประคองรัฐบาลหรือ เป็นผู้คานอำนาจของรัฐบาลกันแน่ เพราะฝ่ายค้านที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ประคองรัฐบาล แต่เป็นตัวแทนของประชาชนที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
“คำขวัญของพรรคประชาชนคือ พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ดิฉันเห็นว่าวันนี้ควรจะมีคำต่อท้ายว่า พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค อนุรักษ์นิยมใหญ่กว่าใคร เราอยากเห็นพรรคประชาชนที่วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัวหรือเป็นฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ ซึ่งจะได้ร่วมตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังเพื่อสร้างมาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส” น.ส.ขัตติยา กล่าว
น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชนให้สัมภาษณ์ว่าพรรคประชาชนโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นการฝ่าทางตัน และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้น ขอยืนยันว่าพรรคประชาชนต้องเลิกจินตนาการ และต้องเริ่มสร้างทางตันเทียมมาเป็นข้ออ้าง เพราะสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว การเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรีนั้น ไม่เคยมีอยู่ในสมการของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด และพรรคเพื่อไทยยืนยันมาตลอดว่า เรายังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนคือนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน
น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า แม้ตอนแรกเราจะถูกล้อเลียนว่าเป็นนายกฯ กล่องสุ่ม แต่วันนี้เป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่าการมีรายชื่อสำรองไว้ก็เพื่อเป็นการรองรับกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และเพื่อป้องกันไม่ให้มีทางตันเกิดขึ้น ขอย้ำว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังแข็งแรง เราพร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มกำลัง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและเพื่อพี่น้องประชาชน เราจะไม่ยอมให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน และจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส
“รัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้ว แต่พรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนหัวใจ เพราะหัวใจของเรายืนอยู่ข้างประชาชนเสมอ” น.ส.ขัตติยา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชัยวุฒิ' ซัดฝ่ายอยากแก้รัฐธรรมนูญ ทำการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ กล่าวภายหลังที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาว่า ผลกระทบจากเกมการเมืองของฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ได้แก้ในสิ่งที่ต้องการจนนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์คือการที่นายกรัฐมนตรียื่นยุบสภาฯ
สะพัด ‘อนุทิน’ ชิงทูลเกล้าฯยุบสภา ตัดหน้า ‘ปชน.’ ยื่นซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชนที่เรียก สส. ให้ร่วมลงชื่อในญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ซึ่งสืบ
ปชน. ยื่นซักฟอก หลังแพ้โหวตคงอำนาจ สว. 1 ใน 3 แก้ รธน.
บรรยากาศจากอาคารรัฐสภา ว่า ภายหลังจากการโหวต มาตรา 256/28 ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ
'เพื่อไทย' พาเหรดเชียร์ผุด ส.ส.ร. 151 คนร่างรัฐธรรมนูญใหม่
'ชูศักดิ์' ย้ำแนวทาง ส.ส.ร. 151 คน ทำหน้าที่ยกร่างรธน.ใหม่ ให้ปชช.เลือกก่อนชั้นหนึ่ง เชื่อไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน. ขณะที่ 'เพื่อไทย' อภิปรายสนับสนุนแนวทาง ป้องกันเสียงข้างมากครอบงำ
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์
นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ
เอาแล้ว ‘อนุสรณ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ อย่าชิงยุบสภาหนีซักฟอก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ออกมาระบุรัฐบาลเสียงข้างน้อย เตรียมความพร้อมที่จะยุบสภาทุกเมื่อ

