'รังสิมันต์' เตือนอย่าประมาทท่าทีกัมพูชา

'รังสิมันต์' เผย 'กมธ.ความมั่นคงฯ' เร่งปิดจ๊อบกฏหมายชายแดนก่อนหมดสมัย จับตา ท่าที 'กัมพูชา' จบประชุม GBC ดักรัฐบาลอย่าผ่อนมาตรการ ตอบไม่ได้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ หลัง 'ฮุน มาเนต' ยินดี 'อนุทิน'

11 ก.ย. 2568 - นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงวาระการประชุมกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในวันนี้เป็นการพิจารณาวาระภายใน เนื่องจากเราทำการศึกษาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายพิเศษ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเราก็อยากจะส่งไปให้ถึงสภาโดยเร็ว รวมถึงเรื่องของการจัดการปัญหาชายแดน ซึ่งอาจจะต้องมีการกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง และแนวคิดในการจัดการปัญหาตามแนวชายแดน

เนื่องจากปัญหาชายแดน เป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตนเองจึงเห็นว่า ถึงเวลาที่จะต้องยกเครื่องนี้ขึ้นใหม่ ซึ่งจำเป็นจะต้องทำให้แล้วเสร็จ เพราะเราเหลือเวลาอีกไม่นาน ดังนั้น กรรมาธิการฯ จึงต้องเร่งปิดจ๊อบโดยเร็ว เพื่อส่งเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมใหญ่ต่อไป

เมื่อถามถึงผลการประชุม GBC ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ มองว่า มีเรื่องที่น่าจับตามอง คือการถอนกำลัง และการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงเรื่องของทุ่นระเบิด ก็ต้องดูต่อว่า การตกลงเจรจาครั้งนี้ กัมพูชาจะสร้างความน่าเชื่อใจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะมีกระแสข่าวว่า ฝั่งกัมพูชาอาจจะมีการเบี้ยว

อย่างไรก็ตาม หากเราไปดูในเหตุการณ์ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน เราก็ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ทันทีที่มีการเจรจา GBC แล้วมันจะเกิดขึ้นตามที่เราตกลงกันไว้โดยทันที คงจะเป็นไปไม่ได้ แล้ว ตนเองคิดว่าคงจะมีการประชุมพูดคุยกันอีกหลายครั้ง เพื่อลงรายละเอียดในระดับที่มันย่อยลงมา เพื่อให้มั่นใจว่า ฝั่งกัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลง และไม่ง่ายที่จะได้ผลตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้เจรจาไว้

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีการปราบปรามสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า เป็นสิ่งที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ต่อรองไม่ได้ เพราะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความร้ายแรง และในการประชุม AIPA ของสมาชิกรัฐสภาอาเซียนที่ตนเองจะต้องไปร่วมประชุมด้วย ซึ่งหนึ่งในข้อเรียกร้องที่ตนเองจะไปเสนอในที่ประชุมต่อกรรมาธิการการเมือง คือ เรื่องของการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเราไม่สามารถประนีประนอมได้ และคงจะต้องมีการยกระดับในการปราบปรามต่อไป

นายรังสิมันต์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะไม่มีการเอาเรื่องของความอ่อนข้อต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปใช้ในการเจรจาปัญหาชายแดน เพราะจะส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยอย่างมาก สำหรับเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราก็คงจะต้องยกระดับแทนที่จะใช้กลไกล ICC แทน ซึ่งด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ฝั่งกัมพูชายอมรับจะปราบปรามเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเราก็จะได้เห็นกันว่า ดีแต่พูดหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นข้อมูล และหลักฐานในการใช้ประกอบคนไกล ICC ต่อไป

เมื่อถามว่า แม้มีการถอนกำลังแล้ว แต่ก็ยังมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่ มีความกังวลหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องของทุ่นระเบิดนอกจากผิดสัญญาออตตาวาแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีความเสียหายต่อชีวิต และร่างกายของคนในประเทศเรา และทหารเรา จะต้องมีการเอาจริงเอาจัง ซึ่งคงจะต้องไปดูถึงรายละเอียด แล้วลุ้นว่าฝั่งกัมพูชาจะให้ความช่วยเหลือแค่ไหน แต่ตนเองก็หวังว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดนั้น ฝั่งกัมพูชาจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเรื่องนี้

สำหรับท่าทีของ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ได้แสดงความยินดีกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หลังได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย จะช่วยในการการเจรจาหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเองตอบไม่ได้ และไม่อยากไปเดาใจ นายฮุน มาเนต อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญประเทศไทย ต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ รวมถึงเรื่องของเจรจาด้วย และลบโอกาสในการปะทะกันทางอาวุธ เนื่องจากไม่ดีต่อทุกฝ่าย โดยเราต้องเตรียมความพร้อมสำหรับทุกฉากทัศน์ รวมถึงฉากทัศน์ที่ร้ายที่สุด ซึ่งไทยก็ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ แต่ตนเองคงไม่สามารถตอบได้ว่า นายกฯ ของกัมพูชาจะมีการวางย่างก้าวอย่างไร แต่ไทยต้องไม่ประมาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ

เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7

กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง

ผบ.ฉก.นาวิกโยธินตราด เมินข่าวกัมพูชาส่งทหาร BHQ ประชิดชายแดน ชี้อาจปั่นกระแส ยันไทยพร้อมขั้นสูงสุด

ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิโยธินตราด เปิดเผยถึงกรณี คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT เดินทางมาลงพื้นที่บ้านทมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา เมื่อวานนี้นั้น รวมไปถึงกรณีมีเสียงคล้ายปืนและอ้างว่ามาจากฝ่ายไทย