
‘สว.นรเศรษฐ์’ วอน ‘อนุทิน‘ ชะลอ ‘แลนด์บริดจ์-SEC’ เชื่อ มีเจตนาดี ผลักดันโครงการใหญ่ แต่ชาวบ้านอาจกระทบหนัก ย้ำ ต้องได้รับฉันทามติจาก ปชช. ก่อน
15 ก.ย.2568-ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงข่าวภายหลังมีการลงพื้นที่ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังความเห็นในโครงการแลนด์บริดจ์
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็นของประชาชนและภาคประชาสังคมเกี่ยวกับโครงการและนด์บริดจ์ และ พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ. …. (SEC) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจรากฐานและวิถีชุมชน โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อกังวล เกี่ยวกับกระบวนการการศึกษาร่างรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ที่มีปัญหาทั้งกระบวนการและเนื้อหา ซึ่งชาวบ้านรู้สึกถึงความไม่โปร่งใส ไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน เวทีรับฟังความคิดเห็นจัดเพียงไม่กี่ครั้ง เฉพาะหน่วยงานรัฐและผู้นำท้องถิ่น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงไม่ได้เข้าร่วมการประเมิน EHIA
โดย EHIA แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ท่าเรือ ทางหลวง และรถไฟ ไม่มีการประเมินภาพรวมไม่มีการสะท้อนผ่อนผลกระทบที่แท้จริง ข้อมูลที่ออกมาไม่ตรงกับผลการศึกษาเดิม การกำหนดขอบเขตการศึกษาทำเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้นไม่ครอบคลุมผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศ การทำโครงการขนาดใหญ่มีผลกระทบต่อชุมชนและวิถีชุมชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง
ข้อมูลในรายงานหลายอย่างไม่สอดคล้องรายงานเดิมและรายงานคู่ขนาน เช่น จำนวนสัตว์หน้าดิน ในรายงาน EHIA พบพื้นที่ศึกษา 7 ตัว 1 ชนิด ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่ามีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในน้ำ มากมายกว่านั้นมาก อีกทั้งจำนวนแพทย์ในโรงพยาบาลก็ไม่เพียงพอต่อการรองรับการลงทุนขนาดใหญ่และผู้ที่จะมาพักเพิ่มเติม ไม่มีการพิจารณารอยเลื่อนเปลือกโลกในพื้นที่ และมีการเร่งรัดรายงาน EHIA ให้ทำภายใน 120 วัน จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการตั้งธงไว้หรือไม่ว่า จะต้องผ่านรายงานฉบับนี้ให้ได้
ขณะที่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พื้นที่ท่าเรือที่จะก่อสร้างมีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตชีวิตมณฑลและพื้นที่ที่เคยถูกเสนอให้เป็นมรดกโลก หากก่อสร้างก็จะสูญเสียคุณค่าทางธรรมชาติอย่างถาวร ท่าเรือที่จะสร้างในจังหวัดระนองมีขนาดเท่ากับเกาะพยาม ส่วนท่าเรือที่ชุมพรมีขนาดใหญ่ประมาณ 3.5 เท่าของเกาะหลีเป๊ะ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ดินหินเป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการกัดเซาะชายฝั่ง การระเบิดภูเขาทำลายหินเป็นจำนวนมากจะทำลายสัตว์น้ำ นอกจากนี้กรมชลประทานยังมีแผนที่จะสร้างเขื่อนหลาย 10 แห่ง ซึ่งจะกระทบกับการใช้ชีวิตของชาวบ้าน
ชาวมอแกนและผู้พลัดถิ่นจะได้รับผลกระทบ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเกาะพยามจะได้รับผลกระทบหนัก อาชีพประมงได้รับความเสียหาย แรงงานเศรษฐกิจมีการประเมินมูลค่าต่ำความเป็นจริง รายได้ 30,000 บาทต่อครัวเรือน แต่ในรายงานแจงว่าได้เพียง 10,000 บาทต่อครัวเรือนเท่านั้น
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ในส่วนร่างกฎหมาย SEC ประชาชนกังวลอำนาจของคณะกรรมการฯ ที่อาจจะล้นเกินและเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน สำหรับทางด้านเกษตรกรรมจะมีการถนนผ่านอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสวนทุเรียนที่อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทต่อปี
ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯ มีข้อเสนอให้มีการทบทวนให้รอบคอบ ชะลอการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ และการผลักดันกฎหมาย SEC จนกว่าจะมีการศึกษาและรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม เช่น กลุ่มเปราะบาง กลุ่มมอแกน คนพลัดถิ่น รวมถึงมีข้อเสนอให้พิจารณาการพัฒนาภาคใต้ตามศักยภาพพื้นที่ มีการสนับสนุนเกษตรยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และโครงการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตท้องถิ่น ไม่ใช่เป็นการพัฒนาที่ยัดเยียด แต่หากจะมีการผลักดันโครงการจริง ๆ ควรมีการศึกษาที่มีทางเลือกในเรื่องของความคุ้มค่า เช่น การศึกษาโครงการเซาเทิรน์ซีบอร์ด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดผลกระทบน้อยลง
”ชาวบ้านไม่ได้กลัวการเปลี่ยนแปลงหรือกลัวการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น แต่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจ ชาวบ้านไม่ต้องการความเจริญที่ถูกยัดเยียด ความเจริญที่ผิดฝาผิดตัวจากวิถีชีวิตและศักยภาพที่มีอยู่ แต่ต้องการการพัฒนาที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง“
นายนรเศรษฐ์ ระบุว่า อยากให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชน คำนึงถึงวิถีเศรษฐกิจฐานรากวิถีชีวิตดั้งเดิมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลจะผลักดันมีความชอบธรรมยั่งยืน ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีแผนงานที่จะผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดขึ้น คณะกรรมาธิการฯ ขอสื่อสารไปว่าโครงการขนาดใหญ่เงินลงทุนระดับหลายล้านล้านบาท และเป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างนับ 10 ปี มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม วิถีชุมชน เศรษฐกิจ จึงอยากให้มีการศึกษารอบคอบ
“หวังว่า ถ้าเป็นไปได้รัฐบาลนายอนุทินเป็นระยะเวลาที่มีกำหนดเวลาชัดเจนจะยุบสภาภายใน 4 เดือน จึงอยากวิงวอนให้ชะลอการผลักดันโครงการนี้ไปก่อน โครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ควรเป็นฉันทามติของประชาชนทั้งประเทศ เพราะทรัพยากรทางทะเลของไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของประชาชนทุกคนในประเทศนี้ หากอยากผลักดันจริง ๆ ควรจะนำนโยบาย SEC ไปใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า หากประชาชนเห็นด้วยและได้รับเลือกเข้ามาอย่างล้นหลามเป็นรัฐบาลก็จะมีความชอบธรรมในการผลักดันโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณมาก เพราะโครงการที่มีภาระผูกพันไปอีก 10 ปี ควรจะได้ฉันทามติของพี่น้องประชาชน”
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า สำหรับเหตุผลที่คาดว่ารัฐบาลนายอนุทิน จะผลักดันโครงการดังกล่าว เป็นเพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสูง ประเทศไทยขาดการลงทุนของโครงการขนาดใหญ่มานาน คิดว่านายอนุทินคงมีเจตนาที่ดีที่อยากจะให้ประเทศไทยมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งผลต่อการเติบโตในอนาคต แต่อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะในรัฐบาลที่มีเวลาเฉพาะเจาะจง การผลักดันโครงการขนาดใหญ่ให้เดินหน้า รัฐบาลต้องมีความชอบธรรมอย่างมาก ดังนั้นควรนำโครงการเหล่านี้ไปหาเสียง เมื่อได้ฉันทามติจากประชาชน ถึงจะนำไปผลักดันต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายนรเศรษฐ์ มองว่า ภายใน 4 เดือนนี้ โครงการแลนด์บริดจ์อาจจะไม่คืบหน้ามากนัก เพราะ EHIA กำลังสรุป แต่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ยังอยู่ในกระบวนการ กว่าจะเสร็จสิ้นได้คงจะไม่ทันใน 4 เดือนนี้ เพราะกว่าจะเอารายงานทั้ง 4 มาประกอบร่างและพิจารณาไม่น่าจะทันในช่วง 4 เดือนนี้ ส่วนการผลักดันกฎหมาย SEC ไม่ควรมองแยกกันหากรัฐบาลจะแสดงความชัดเจนในการผลักดัน ก็ควรมีการทำงานในระยะยาวมากกว่านี้
นายนรเศรษฐ์ เชื่อว่า รัฐบาลนายอนุทินจะดำเนินการตาม TOA ที่ได้สัญญา หลายอย่างต้องใช้เวลา พิจารณา เรื่องที่ควรดำเนินการเร่งด่วนควรจะเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้น และการแก้รัฐธรรมนูญ โครงการขนาดใหญ่สามารถศึกษาไปพร้อมกันได้ แต่ไม่ควรรีบเร่งเนื่องจากกระบวนการศึกษาผลกระทบและสิ่งแวดล้อมยังเป็นคำถามทั้งในแง่ของกระบวนการและเนื้อหา หากจะผลักดันโครงการลักษณะแบบนี้ ควรจะทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ และรายงานต่าง ๆ ที่มีปัญหาก็ควรรื้อกลับมาทำใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้แล้วฝีมือใคร! จุดเริ่มต้นดรามา 'ซีเกมส์ 2025'
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิพากษ์วิจารณ์กันจนเป็นดรามา คือเรื่องพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
'พุทธิพงษ์' ชมภาวะผู้นำ 'นายกฯอนุทิน' ในสถานการณ์แบบนี้ เข้มแข็งชัดเจนดีมาก
พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ชื่นชมและให้กำลังใจนายกอนุทิน ภาวะผู้นำในสถานการณ์แบบนี้ ทำได้เข้มแข็ง
'สำนักงบฯ' แจ้งทุกหน่วยขั้นตอนใช้งบ 'รัฐบาลรักษาการ' สงสัยถาม กกต.
'สำนักงบประมาณ' เร่งออกหนังสือแจงทุกหน่วยขั้นตอนการใช้งบ ในช่วงรัฐบาลรักษาการ สงสัยเรื่องไหนให้ถาม กกต.
นายกฯ ส่งสัญญาณหัวหน้าส่วนราชการ 'ยุบสภา' ก่อน 31 ม.ค.69 ให้เตรียมพร้อมทำงานกับรัฐบาลรักษาการ
"อนุทิน" แจ้งที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นับถอยหลังยุบสภา เร็วกว่า 31 ม.ค.69 คืนอำนาจประชาชน ให้คำมั่นช่วงรัฐบาลรักษาการไม่ปล่อยให้ประเทศคับขัน ทำภารกิจให้สำเร็จจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ พร้อมมอบ "กฤษฎีกา" หาช่องหากมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วน
อุ้ย! 'มาริษ' ยันรัฐบาลพท. ไม่เคยพลาดพลั้งเขมร แนะ 'อนุทิน' ปกป้องอธิปไตยใช้โลกล้อมกัมพูชา
แนะรัฐบาลจัดการภาวะวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา อย่าซ้ำรอยน้ำท่วมหาดใหญ่ เสนอแผนอพยพ ประสานท้องถิ่นให้พร้อม สร้างหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กัมพูชาปฏิเสธไม่ได้ ย้ำปิดเกมเขมรต้องไม่เสียเปรียบ
หมอวรงค์ ลั่นเมื่อรบแล้วต้องจบ เตือน 'อนุทิน' ไม่สั่งหยุดยิงกลางคันเหมือนรัฐบาลก่อน
หมอวรงค์ลั่นการสู้รบครั้งนี้ต้องทำให้สุด ต้องให้เขมรรู้จักประเทศไทย ที่สำคัญ ต้องไม่มีการหยุดยิงกลางคัน เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา

