'นริศ' เผยแล้ว เหตุลาออก ปชป. สรรหาคนลง สส.พัทลุง ไม่เหมาะสม ยันไม่ได้ขัดแย้ง 'เฉลิมชัย'

25 กันยายน 2568 - นายนริศ ขํานุรักษ์ อดีต รมช.มหาดไทยและอดีต ส.ส.พัทลุง ซึ่งได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กชี้แจงเป็นครั้งแรกว่า เหตุผลการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ผมตั้งใจให้เงียบ

การลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ของผม ผ่านมาร่วมเดือนหนึ่งแล้ว ผมตั้งใจจะให้เป็นเรื่องที่เงียบ และไม่เคยมีการแถลงข่าว เพราะไม่มีความขัดแย้งใดๆ กับพรรคเลย แต่มาถึงวันนี้ ก็ยังมีคนไม่หยุดพูด แถมสิ่งที่พูดก็ยังไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ผมจึงขอชี้แจงดังนี้

1.ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.พัทลุง ที่นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ลูกชายผมเป็น สส. อยู่ ได้มีการเปิดตัวของผู้สมัครเป็นระยะๆ และมีการหารือเพื่อหาคนมาแทน สส.ร่มธรรม อยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นความไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่สส.ร่มธรรมยังเป็น สส.อยู่ อีกทั้งยังทุ่มเททำงานอย่างหนักทั้งในพื้นที่และสภา และไม่เคยคิดว่าจะไปไหน ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ ส.ส. รวมทั้งผม และกระบวนการสรรหาของพรรค

2.ผมไม่เคยมีความขัดแย้งกับท่านหัวหน้าพรรคเฉลิมชัย ผมทำงานรับใช้พรรคและหัวหน้าพรรค ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ด้วยความทุ่มเทและซื่อสัตย์มาตลอด ท่านยังเป็นนักการเมืองที่ผมรักและเคารพมาตลอด ท่านเสียสละและยอมเจ็บตัวเพื่อพรรคอย่างหาคนที่ทำเช่นนี้ได้ยาก

3.มีการพูดกันว่าผมลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้นั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด มีเพียงแต่ท่านศักดา วิเชียรศิลป์ ซึ่งเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องตอนเรียนโรงเรียนป่าไม้ที่สนิทกันมาก มาทาบทามผมว่าหากเขาได้เป็นรัฐมนตรี ขอให้ผมมาช่วยงาน ซึ่งผมก็รับปากว่าเมื่อผมเสร็จสิ้นงานจากท่านเฉลิมชัยแล้ว ผมก็ไปช่วยได้บ้าง ตามความรู้ ประสบการณ์และเวลาที่เอื้อ ไม่เคยคิดว่าจะไปเป็นรัฐมนตรีแต่อย่างใด

4.การลงมติของ สส.ร่มธรรม ลูกชายผมที่เลือกท่านอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี เขาให้เหตุผลโดยโพสต์ไว้หลังจากการลงมติว่า เขาเองไม่เคยเลือกแคนดิเดทจากพรรคเพื่อไทยมาก่อนเลย และที่สำคัญเห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคประชาชน ที่เลือกท่านอนุทิน มาเพื่อให้มีการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชน ให้มีการแก้กฏหมายรัฐธรรมนูญในบางเรื่องให้เป็นประชาธิปไตยขึ้น เขาจึงใช้เอกสิทธิ์เลือกท่านอนุทิน ซึ่งการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ครั้ง จะมีการขอใช้เอกสิทธิ์ไม่เลือกตามมติพรรคทั้ง 2 ครั้ง โดยในครั้งก่อนใช้เอกสิทธิ์ แตกต่างจากมติพรรคไปถึง 16 คนจาก 25 คน ตามข่าวที่ปรากฏแล้ว เขาจึงใช้เอกสิทธิ์ในการเลือกในครั้งนี้

5.ในพื้นที่ จ.พัทลุง มีการแข่งขันกันสูง ผมจึงจำเป็นต้องลงไปช่วยในพื้นที่มากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถรับผิดชอบงานต่างๆ ในพรรคได้เต็มที่เหมือนเดิม

การออกจากพรรคประชาธิปัตย์ของผมไม่มีสิ่งใดที่ขัดแย้งกับท่านเฉลิมชัยแม้แต่นิดเดียว ถ้าจะผิดก็เพียงเพราะผมไม่ได้ไปลาท่านด้วยตัวเองเท่านั้น เพราะผมกลัวว่าถ้าผมไปลาท่านด้วยตัวเอง ผมจะไม่ได้ลาออกตามที่ผมตั้งใจไว้แน่นอน เพราะท่านเป็นนักการเมืองที่ผมเชื่อและศรัทธา ที่จะยับยั้งการตัดสินใจของผมได้

ผมตั้งใจจะลาออกอย่างเงียบๆ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรรคประชาธิปัตย์ เปิดชื่อผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต ลุยศึกเลือกตั้ง 69

ปชป. เปิดชื่อผู้สมัคร กทม.ทั้ง 33 เขต เตรียมเผยโฉม 22 ธ.ค.นี้ "สกลธี" ย้ำผ่านกระบวนการคัดเลือกหลายขั้นตอน จากกว่า 150 คน จ่อดึงคนที่ไม่ได้ไปต่อทำงานร่วมกับพรรค

'ปชป.' ตั้งเป้าคว้า10 สส.เมืองกรุง จ่อเปิดตัวผู้สมัครทั่วประเทศ 25 ธ.ค.พร้อม 3 แคนดิเดตนายกฯ

'ปชป.' เตรียมเผยโฉมผู้สมัคร สส.กทม. 22 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าคว้า 10 สส.เมืองกรุงฯ-เล็งเปิดตัวทั่วประเทศ 25 ธ.ค.ต่อเนื่อง พร้อม 3 แคนดิเดตนายกฯ ยอมรับส่งผู้สมัครไม่ครบ 400 เขต เหตุ มีคนขาดคุณสมบัติไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่น บอก ยังไม่ขีดเส้นจำนวน สส.ทั่วประเทศ เนื่องจากยังไม่เห็นหน้าคู่แข่งชัดเจน

'อภิสิทธิ์' ลั่นต่อสู้ให้การเมืองกลับมาเป็นเรื่องความนิยมอุดมการณ์-นโยบายตัวบุคคล

หัวหน้าปชป. ไม่หวั่น อดีต สส. แห่ย้ายพรรค พร้อมส่ง สส.ชน ย้ำไม่มีใครผูกขาดคะแนนเสียง บอกหากวันเลือกตั้งต้องขยับ เนื่องจากเหตุสุดวิสัยเป็นเรื่องเข้าใจได้

ปชป. ชู 3 แกนหลัก การเมืองสุจริต ความเป็นมืออาชีพ ไว้วางใจได้ไม่มีดีลลับ

ปชป. ประกาศเดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ ชู 3 แกนหลัก สุจริต-มืออาชีพ-ไว้วางใจ พร้อมสะท้อนปัญหาหาดใหญ่ถึงรัฐบาล