ดร.ณัฏฐ์ ชี้ สส.ปชน. เล่นนอกเกม โพสต์โจมตี ‘สุชาติ’ รธน.ไม่คุ้มครอง

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ ปม “สส.ปชน.” นำข้อมูลไปโพสต์ในเพจต่างๆ กล่าวหา “สุชาติ ชมกลิ่น” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทส.ไม่มีเอกสิทธิ์ รธน.คุ้มครอง ส่วนมูลนิธิแสวงหากำไรเป็นสำนักข่าว นอกเหนือวัตถุประสงค์ ไม่อาจกระทำได้

2 ตุลาคม 2568 - สืบเนื่องควันหลงจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยสส.ฝ่ายค้าน พรรคประชาชน อภิปรายพาดพิงถึงคุณสมบัติของนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อมาพบว่า “เพจ ชวาล พลเมืองดี” และ “เพจมูลนิธิบูรณะนิเวศ(EARTH)” และเพจอื่นๆไปเผยแพร่ในทำนองสอดรับการผู้อภิปรายนั้น

ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า เอกสารสิทธิ์คุ้มครองสมาชิกรัฐสภาในการแถลงนโยบาpของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคหนึ่งเอกสิทธิคุ้มครองสมาชิกรัฐสภาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาจะกล่าวถ้อยคำใดในทางแถลงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น ย่อมเป็นเอกสิทธิ์เด็ดขาด ผู้ใดจะนำไปฟ้องไม่ได้

แต่เอกสิทธิ์ไม่คุ้มครอง หากสมาชิกรัฐสภา ได้โชว์เหนือ กล่าวถ้อยคำในที่ประชุมที่มีการถ่ายทอดทางวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์หรือทางอื่นใด หากถ้อยคำไปปรากฏ “นอกบริเวณรัฐสภา” โดยกล่าวหา “บุคคลอื่น” เป็นความผิดอาญาหรือละเมิดสิทธิในทางแพ่ง รัฐธรรมนูญไม่คุ้มครอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 124 วรรคสอง

แต่มีข้อยกเว้น คำว่า “บุคคลอื่น” ในที่นี้ เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ หมายถึง ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมแห่งนั้น ไม่ได้หมายถึงสถานะความเป็น “รัฐมนตรี”ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ และ “สมาชิกแห่งสภานั้น”

พูดภาษาชาวบ้านว่า เอกสิทธิ์คุ้มครอง สส.และ สว. เพื่อมิให้ขัดขวางการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชน หากรัฐมนตรีรายใด ถูกพาดพิงให้เกิดความเสียหาย มีวิธีแก้เกม คือ ลุกขึ้นชี้แจงโต้ตอบ จะใช้ใช้ช่องทางกฎหมายฟ้องปิดปากทางอาญาแก่ สส.หรือ สว.นั้น แม้รัฐสภาจัดให้ประชาชนได้รับชมการถ่ายทอดสดในการประชุม

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภา อยู่ในที่ประชุม และสามารถโต้แย้งชี้แจงได้ แต่หากบุคคลอื่น ซึ่งไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงไม่มีโอกาสได้ชี้แจง

ทั้งข้อเท็จจริงที่สมาชิกรัฐสภารายนั้นได้อภิปราย เป็นข้อเท็จจริงฝ่ายเดียว ยังฟังไม่เป็นที่ยุติ เพราะการรับฟังข้อเท็จจริงตามหลักกฎหมาย “ต้องฟังความสองฝ่าย”

พูดภาษาชาวบ้าน ข้อกล่าวหาเพียงฝ่ายเดียว ไม่มีน้ำหนัก น้ำหนักเบา และเชื่อถือไม่ได้  

แต่การเล่นนอกเกม นอกบริเวณรัฐสภา โดยวิธีการแบ่งหน้าที่กันทำ ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง เช่น การนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปลงในข้อมูลต่างๆในเพจสาธารณะในยุคโซเชี่ยล ไม่มีกฎหมายคุ้มครองและไม่อาจกระทำได้

พูด ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “เล่นนอกเกม” หรือ “เล่นเกมการเมืองสกปรก” มุ่งหมายให้บุคคลที่ถูกกล่าวหา ด้อยค่าทางชื่อเสียงในทางสังคม ก่อให้เกิดความเสียหาย

กรณีของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทส. โดยมีบางเพจเฟสบุค ได้นำข้อมูลอันเป็นเท็จไปขยายความไปลงในเพจต่างๆ แม้จะใช้ชื่ออะไรก็ตาม ไม่อาจกระทำได้แม้ นายสุชาติฯ ไม่อาจดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แก่ นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคประชาชน ได้เพราะมีเอกสิทธิ์รัฐธรรมนูญคุ้มครอง แต่การแบ่งหน้าที่กันทำ โดยนำข้อมูลและกราฟิกภาพที่จัดทำขึ้นมาเอง โดยข้อมูลอันเป็นเท็จ ไปลงในเพจ ต่างๆ เป็นความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มีอัตราโทษตามกฎหมายจำคุก 5 ปี

นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคประชาชน กับนายชวาล พลเมืองดี สส.ชลบุรี พรรคประชาชน อาจสลับขาหลอกว่าเป็นการตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่บ้านเมืองมีขื่อมีแปร มีกระบวนการตรวจสอบภายใต้กฎหมาย แต่การแบ่งหน้าที่กันทำและข้อมูลกราฟฟิกชุดเดียวกัน และนำไปลงเพจประจาน ให้บุคคลอื่นเสียหาย ไม่ใช่การทำหน้าที่ สส. และไม่มีเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญคุ้มครอง แต่มีเจตนาเล็งเห็นผลประจานบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย เพราะเพจตั้งค่าสาธารณะ สมาชิกเพจและประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงข้อมูลได้

วิธีการ นำข้อมูลชุดเดียวกัน กราฟฟิกชุดเดียวกัน เป็นลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เป็นลักษณะตัวการ หรือเป็นการช่วยเหลือก่อนหรือขณะกระทำความผิด โดยวิธีนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปลงในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบเพจเฟสบุค “ชวาล พลเมืองดี” เป็นการบิดเบือนด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ตรงนี้ ไม่ใช่ การทำหน้าที่ของ สส.ฝ่ายค้าน และไม่ได้กระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ  

กรณีของนายชวาล พลเมืองดี สส.ชลบุรี เขต 3 พรรคประชาชน จังหวัดชลบุรี ควรเอาเวลาไปแสวงหาข้อเท็จจริงไปต่อสู้คดีพิสูจน์ ในคดีที่ กกต.ดำเนินคดีอาญา กรณีมีเจตนาปกปิดข้อเท็จจริงแจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 อันเป็นเท็จ จะดีกว่าไหม เรื่องของตัวเอง เอาให้รอดก่อน แล้วมาก่อเรื่องใหม่

เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ในเรื่องมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ได้ให้หมายรวมถึง สส. สว.หรือคณะรัฐมนตรี โดยกำหนดในมาตรฐานจริยธรรม ปี 2561 เป็นอำนาจของ ปปช.ที่ยื่นศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิการเมืองตลอดชีพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบวรรคสี่

ส่วนเพจมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) นำข้อมูลไปลงขยายความอันเป็นเท็จ โดยไม่ตรวจสอบก่อนให้ดี มีความผิดอาญาและละเมิดสิทธิทางแพ่ง ต้องถามว่า มูลนิธิบูรณะนิเวศ(EARTH) ได้จดทะเบียนกับนายทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือไม่ หรือว่าตั้งเพจสาธารณะมาลอยๆแล้วระบุว่า “มูลนิธิ” หากเป็นมูลนิธิจริง มีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีกฎหมายกำกับควบคุม ต้องถามว่า มูลนิธินี้ มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ หากเป็นมูลนิธิตาม ปพพ.ที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนดำเนินกิจการได้เฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่ได้จดแจ้งไว้เท่านั้น แต่การนำมูลนิธิมาแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง หรือมาทำตัวเป็นสำนักข่าว นอกเหนือวัตถุประสงค์ อาจนำไปสู่การร้องขอให้เพิกถอนมูลนิธิก็ได้

ส่วนบุคคลภายนอกที่ถูกพาดพิง อักษร ย่อ “ย.” หรือ นายยุทธนา พิสูจน์ได้ว่า ข้อมูลที่นายกฤชฯ ที่ทำหน้าที่เกินขอบเขตรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลและไม่เป็นความจริง ทั้งร่วมกันนำข้อมูลเป็นเท็จไปบิดเบือนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในเพจต่างๆ ตั้งค่าสาธารณะ สมาชิกเพจหรือประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลได้ หากได้รับความเสียหาย ย่อมดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่งละเมิดสิทธิได้ ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย.