ครม.รับทราบลงนาม MOU “แรร์เอิร์ธ” ไทย-สหรัฐฯ หลังที่ประชุมนัดพิเศษไฟเขียว เมื่อ 23 ต.ค. โร่แจง แม้เปิดโอกาสลงทุน-สำรวจ แต่ยึดตามกฎหมายแร่ไทย ต้องเปิดประมูลอย่างเสรี ไม่ใช่ให้สหรัฐฯ โดยตรง ด้าน “เอกนิติ” รับเป็นการปูทางเจรจาภาษีสหรัฐฯ หวังใช้ความสัมพันธ์ที่ดี ลดจาก 19 % เพื่อเพิ่มความแข่งขันในอาเซียน
28 ตุลาคม 2568 - นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแร่หายากของโลก หรือ แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) กับสหรัฐอเมริกาว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบการลงนามดังกล่าวแล้ว ซึ่งอยากสร้างความชัดเจนให้ประชาชนได้รับทราบ
โดยรายละเอียดของเรื่องนี้ 1.คือ MOU ฉบับนี้ไม่ใช่กฎหมาย เป็นเพียงข้อตกลงความเข้าใจร่วมกัน เพื่อร่วมมือกันในการพิจารณาร่วมกันคือ เรื่องห่วงโซ่อุปทาน และเรื่องการส่งเสริมความลงทุนแร่หายาก หรือ แร่แรร์เอิร์ธ 2. ต้องการส่งเสริมการค้าการลงทุน ในอุตสาหกรรมการสำรวจ, การสกัด, การแปรรูป , การกลั่น, การรีไซเคิล, การกู้คืน และการดูแลรักษาแร่หายาก ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นกระบวนการการสำรวจ ไปจนถึงการสกัด รวมไปถึงการรีไซเคิล และการกู้คืน 3. การสนับสนุนการลงทุนที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และอุตสาหกรรมการสกัด 4. สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ตลาด คือ การทำให้แร่หายากนำออกมาใช้สู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นการส่งเสริมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
ส่วนขอบเขตของการร่วมมือคือ 1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการปฏิบัติเป็นเลิศในระดับสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย 2. ให้เจ้าหน้าที่ของประเทศภาคี สามารถจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนา และการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และกลไกต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 3. ให้ความสำคัญแนวปฏิบัติด้านกฎระเบียบที่ดี ทั้งการออกใบอนุญาตการลดขั้นตอน 4. การแลกเปลี่ยนข้อมูลในโครงการต่าง ๆ และราคาสินค้าแร่หายาก 5. ให้ประเทศภาคี ระหว่าง 2 ประเทศให้การคุ้มครองตลาด โดยการอิงกลไกตลาด ปฏิบัติการทางการค้าอย่างเป็นธรรม รวมไปถึงมาตรฐานการค้าขาย ซึ่งจะทำให้เกิดกลไกการกำหนดราคา และกลไกที่จะทำให้เป็นมาตรฐานสากล
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การตกลงทั้งหมด ทั้งวัตถุประสงค์ และขอบเขตความร่วมมือ เป็นการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก และขอย้ำว่า เป็นความตกลงร่วมมือ หรือ MOU ซึ่งไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของประเทศใดประเภทหนึ่ง ประเทศใดแต่สามารถทำได้กับประเทศใด ๆ ก็ได้
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ และยังไม่มีแหล่งที่มีประสิทธิภาพในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นการลงนามดังกล่าว จะเป็นตัวช่วยเสริมความมั่นคง และเพิ่มห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุหายาก โดยเฉพาะในด้านการสำรวจ และการใช้ประโยชน์แร่ธาตุที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการลงนามข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่มีเสถียรภาพ
สำหรับการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ที่จะทำให้ไทยได้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนข้อมูล ถ่ายทอดเทคโนโลยีต่าง ๆ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการลงทุน พร้อมย้ำว่า MOU ฉบับนี้ไม่มีผลทางกฎหมาย แม้ว่า จะมีการลงนามฉบับนี้ ผู้ประกอบการต่าง ๆ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และคำนึงถึง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชน
ขณะที่นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า เนื้อหาของ MOU กำหนดว่า มีสิทธิ์ที่จะลงทุน และสำรวจ ทั้ง 2 ประเทศ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายภายในของประเทศนั้น ๆ และ MOU เขียนชัดเจนว่า ไม่มีผลผูกพันกับกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา ที่จะร่วมมือกันพัฒนาแร่หายากให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เลขาธิการกฤษฎีกา ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ทางคณะรัฐมนตรีก็มีข้อห่วงกังวล การประชุมการประชุมเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นการประชุม ครม.นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้แสดงความห่วงกังวลในเรื่องนี้ และบอกว่า การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายไทย หากจะมาลงทุนในไทย ส่วนกรณีที่ไทยจะไปลงทุนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศสหรัฐฯ เช่นกัน พร้อมยืนยันว่า การลงนามดังกล่าวไม่ใช่การเอื้อประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ เป็นการเฉพาะ แต่เราดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เพื่อให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อยกระดับกฎหมายของไทย ทั้งการค้า การลงทุนกับสหภาพยุโรปด้วย
ส่วนคำว่า first opportunity to invest โดยข้อความดังกล่าว หากยกมาข้อความเดียว อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งความจริงแล้วมันเริ่มต้นด้วยคำว่า Participant have first opportunity to invest ซึ่งหมายความว่า การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะผู้เป็นคู่สัญญา แต่ว่าในการดำเนินการนั้น จะต้องยึดกฎหมายของแต่ละประเทศ นั่นก็คือ กฎหมายแร่ ที่ไทยกำหนดไว้ว่า ต้องมีการเปิดประมูลในวิธีการที่เสรีเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก (World Trade Organization) หรือ WTO ดังนั้นไม่ได้เป็นแต้มต่ออะไร แต่เป็นความสัมพันธ์ตามปกติ เพราะฉะนั้นการอ่านเอกสารต่าง ๆ ต้องอ่านด้วยความระมัดระวัง เพราะหากใช้ AI ก็จะแปลไปตามข่าว จึงอยากให้ยึดการแปลผ่านตัวภาษาอังกฤษดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ผ่านการพิจารณาของที่ประชุม ครม. นัดพิเศษไปแล้ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า MOU ดังกล่าว สามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ และอีกข้อกังวลหนึ่งที่ MOU เขียนไว้ว่า การยกเลิก MOU จะไม่มีผลต่อสิ่งที่ดำเนินการไปแล้วนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น และหากจะดำเนินการก็ต้องให้กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าตามกฎหมายของไทย
เมื่อถามว่า การลงนามดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกาหรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในทุกมิติ ซึ่งเขาค่อนข้างที่จะให้โอกาสประเทศไทย ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง MOU ที่จะให้ร่วมลงทุน และศึกษา แต่ความสัมพันธ์ที่ดี และแน่นแฟ้น จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเจรจาต่อรองในเรื่องของการค้าต่างตอบแทน ซึ่งปัจจุบันนี้สหรัฐอเมริกาได้เปิดช่องทางในเอกสารแนบท้าย สามารถให้ประเทศที่สหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ดี เจรจาต่อรอง เพื่อที่จะสามารถนำสินค้า หรือบริการบางประเภท เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษ ในการที่จะที่จะยกเว้นภาษี 19 % กรอบใหญ่ หรือจะลดภาษีในบางส่วนของสินค้าบางรายการ ซึ่งต้องนำมาเจรจาต่อไป
"เรื่องนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์การเจรจา ที่เราได้ดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นกรอบการเจรจา ส่วนรายละเอียดต้องลงรายละเอียดกันอีกเยอะ แต่ค่อนข้างเป็นบวกสำหรับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย เพราะประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ตอนนี้ถูกเรียกภาษีอยู่ที่ประมาณ 19 % เช่นกัน หากไทยสามารถเจรจาตามกรอบดังกล่าวได้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย"
ส่วนวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ศาลสหรัฐอเมริกาจะมีการตัดสินคดี เรื่องภาษีศุลกากรต่างตอบโต้ ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศ ใช้ว่า มีความผิดหรือไม่ นายเอกนิติ ระบุว่า ต้องเตรียมพร้อม และอย่างที่แจ้งไปเรื่องนี้เป็นกรอบการเจรจา เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องดูหลายมิติ และพัฒนาการต่าง ๆ ซึ่งการค้าระหว่างประเทศในยุคปัจจุบันรวดเร็วมาก ต้องมีการติดตามความคืบหน้า เพื่อใช้เป็นกรอบ และกลยุทธ์ในการเจรจาด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ปณิธาน วิเคราะห์ไทยกัมพูชาเหลือเวลารบกันอีกเท่าไร หลังทรัมป์ประกาศแทรกแซงอีกรอบ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กว่า สหรัฐฯ จะแทรงแซงเราอีก - ไทยกัมพูชาเหลือเวลารบกันอีกเท่าไร?
ครม.มีมติรับโอน 'ชยันต์ เมืองสง' ย้ายข้ามห้วยนั่งเลขาธิการ สทนช.
นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง ประจำวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ดังนี้
รัฐบาลอัดฉีดแพ็กเกจใหญ่ เพิ่มสภาพคล่อง SME มาตรการสินเชื่อ-คืนภาษี วงเงิน 3.27 แสนล้าน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 มีมติเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย
ครม. เห็นชอบต่อใบอนุญาตทำงานให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าว 3 สัญชาติ
ครม.ไฟเขียวแต่งตั้ง บิ๊ก มท. 20 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯคนใหม่ 18 จังหวัด-2 ผู้ตรวจราชการ
ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างจากการโยกย้ายและเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งสิ้น 20 ตำแหน่ง ดังนี้

