พปชร.ข้องใจปมแร่แรร์เอิร์ธยื่น 'วันนอร์' คุ้ยส่อผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 3

'รองหน.พปชร.'ยื่น 'วันนอร์' ตรวจสอบ'ปฎิญญากัวลาลัมเปอร์'โดยเฉพาะ'แรร์เอิร์ธ' หวั่นทำให้ไทยต้องเลือกข้าง-ต่างชาติแทรกแซงกิจการในประเทศ ชี้อาจฝ่าฝืน รธน.มาตรา 3

29 ต.ค.2568 -  ที่รัฐสภา นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบความเหมาะสมของท่าทีทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัฐบาลต่อปฎิญญากัวลาลัมเปอร์ และบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแร่หายาก

นายธีระชัยกล่าวว่า ปฎิญญากัวลาลัมเปอร์ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ไปลงนามมีข้อวิจารณ์ว่าล้มเหลวมองใน2 ประเด็นที่ล้มเหลว 1.ล้มเหลว เรื่องการปราบปรามแสตมป์เมอร์ 2.ล้มเหลวล้มเหลวการแก้ปัญหาบ้านหนองจาน และบ้านหนองแก้ว ซึ่งในเรื่องของสแกมเมอร์ อ่านเนื้อหาในตัวปริญญาปรากฏว่าพูดถึงปัญหาสแกมเมอร์เบาบางมากไม่มีคำว่าไม่มีคำว่าสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ชัดเจน ซึ่งขั้นตอนในการดำเนินการโยนไปอยู่ที่คณะกรรมการจีบีซี ซึ่งพล.อ.ณัฐพงศ์ นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้ออกมาพูดถึงความคืบหน้าว่ามีการตั้งหน่วยงานตำรวจของทั้งสองฝ่าย ทำการกวาดล้าง แต่ตนเห็นว่าปฏิญญาดังกล่าวไม่มีการกำหนดกรอบแผนงาน ซึ่งลักษณะอย่างนี้จะลากไปได้ยาว และการให้องค์กรตำรวจของทั้งสองประเทศมาร่วมทำแผนปฏิบัติการยิ่งไม่น่าเชื่อถือ เพราะมีข่าวว่าวงการข้าราชการ และการเมืองของสองประเทศเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ ดังนั้นวิธีการที่จะจัดการสแกมเมอร์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งคณะของตนเคยยื่นต่อประธานสภาฯไปแล้ว อาทิ การตัดเส้นทางการเงิน ตัดจ่ายไฟ จ่ายน้ำมัน ตัดเน็ต รวมถึงห้ามส่งออกทองคำไปกัมพูชา เป็นต้น

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายกฯยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับเร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งเปิดช่องทางเฉพาะพิเศษให้สหรัฐฯ สามารถล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับแร่หายาก ล่วงรู้การจัดลำดับขั้นตอนดำเนินการของโครงการต่างๆ สามารถได้รับสิทธิการเข้ามาลงทุนเหมืองแร่ก่อนผู้อื่น รวมไปถึงโครงการเกี่ยวกับการถลุงและแต่งแร่ สามารถเข้ามาแทรกแซงในการยกร่างหรือแก้ไขทบทวนกฎระเบียบเกี่ยวกับแร่หายากเพื่อความมั่นคงของชาติไทย ได้รับสิทธิที่ไทยจะต้องแจ้งให้ทราบถึงการเปิดประมูลการทำแร่ในลำดับต้นเพื่อจะเตรียมการเข้าร่วมประมูลทันเวลา ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีที่รัฐบาลไทยเลือกข้างท่ามกลางความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างมหาอำนาจสองฝ่ายในเรื่องแร่หายากที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ และยังเป็นการเปิดให้สหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงล่วงรู้ข้อมูลลึกด้านทรัพยากรธรรมชาติ ได้รับสิทธิแทรกแซงในการตราข้อกำหนดในเรื่องความมั่นคงของไทย รวมทั้งได้รับสิทธิทางธุรกิจก่อนชาติอื่น ซึ่งอาจตีความได้ว่าเข้าลักษณะเป็นการแสวงหาอำนาจนอกอาณาเขตดังเช่นในสมัยการล่าอาณานิคมอย่างหนึ่ง

นายธีรชัย กล่าวต่อว่า ตนจึงมีความจำเป็นต้องขอให้ประธานสภาฯตรวจสอบเพื่อจะชี้แนะให้เป็นประโยชน์แก่รัฐบาล เกี่ยวกบัการลงนามในบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับแร่หายาก มีผลเป็นการเลือกข้างในด้านการเมืองระหว่างประเทศอันเป็นการฝ่าฝืนหลักการรักษาความเป็นกลางซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญในด้านนโยบายการต่างประเทศที่ไทยยึดถือมาตลอด และเข้าข่ายเป็นการส่อเจตนาเปิดช่องทางให้สหรัฐเข้ามาแทรกแซงการบริหารบ้านเมืองของไทย อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 3 ที่บัญญัติไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งไม่สามารถเปิดให้บุคคลชาติอื่นใดแทรกแซงเข้ามามีอิทธิพลได้ และการเร่งรีบลงนามในปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ทั้งที่ไทยได้เปรียบด้านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การเผยแพร่ต่อประชาชนเรื่องแผนที่เกี่ยวข้องกับ MOU 2543 โดยอ้างว่าจะใช้เทคโนโลยี LiDAR แทน และต่อไปจะไม่มีแผนที่ 1:200,000 แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง การยอมรับข้อความในปฏิญญาที่ไม่กำหนดแผนงานชัดเจนในการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่ง การกระทำเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงในใจประชาชนชาวไทยและสื่อมวลชนโลก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' ปลื้ม 'ยะลาโมเดล' ประสบความสำเร็จรับมือน้ำท่วม

ประธานรัฐสภา'ลงพื้นที่ให้กำลังใจ มอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ปลื้ม 'ยะลาโมเดล ประสบความสำเร็จรับมือน้ำท่วม

นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ

'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี