​'บิ๊กเล็ก' แจงยิบ ปมปล่อยตัว 18 เชลยศึกเขมร ไม่ฟันธง 12 พ.ย.

​’บิ๊กเล็ก’ แจงปล่อยตัวเชลยศึกเขมร 18 นาย ต้องบรรลุ 2 เงื่อนไข ‘ถอนอาวุธหนัก-เก็บกู้ทุ่นระเบิด’ อาจไม่ใช่ 12 พ.ย. เผยกัมพูชารับปากเร่งจบเฟสแรก ย้ำไม่แตะมาตรการเปิดด่านจนกว่าทุกอย่างเรียบร้อย

7 พ.ย. 2568 – ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 คน ว่า เรื่องนี้เป็นผลมาตั้งแต่การประชุมวันที่ 10 ก.ย. โดยมีการตกลงเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1.ถอนวาวุธหนัก 2.เก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.จัดการสแกมเมอร์ และ 4.การบริหารจัดการบริเวณชายแดน โดยเราให้เขากลับไปคุยกันแต่ปรากฎเขาคุยกันไม่สำเร็จ ทำให้ต้องนำกลับมาในที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งก็คุยกันเรื่องเดิมอีก และถือมีความคืบหน้า

โดยเห็นว่ารายละเอียดให้ไปตกลงกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างเช่นการถอนอาวุธหนักจะถอนอย่างไร หรือที่บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จะทำอย่างไร ซึ่งหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) หลังจากที่ส่วนล่วงหน้าไปคุยกันแล้วกับทางกัมพูชาและประเทศที่เป็นพยาน โดยมีการระบุว่าเขาอยากให้มีการปล่อยเชลยศึกเพราะเป็นเรื่องของมนุษยธรรมและเก็บไว้ก็ไม่มีอะไร แต่เราได้ต่อรองขอให้ปฏิบัติข้อตกลงทั้ง 4 ข้อให้เป็นรูปธรรมก่อน

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า คำว่ารูปธรรมไม่ได้หมายความว่าจบ แค่ให้เห็นสัญญาณว่าเป็นรูปธรรม ว่าเขามีความจริงใจที่จะทำกับเรา ซึ่งหลังจากนายกฯ ลงนามถ้อยแถลงแล้ว จึงให้ทางกองทัพไปพูดคุยกัน ซึ่งปัจจุบันการติดตามเรื่องนี้ นายกฯ ได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเหล่าทัพ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปคุยกัน โดยให้ตั้งเป็นคณะกรรมการขึ้นมา มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน

ซึ่งล่าสุดในที่ประชุมดังกล่าวได้ตกลงกันว่าเรื่องการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราอยากให้เขาทำให้เป็นรูปธรรม โดยทำให้เสร็จในเฟสแรก แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องการปล่อยเชลยศึก ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดเดิมเสนอให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด 13 พื้นที่ แต่ในระดับพื้นที่คุยกันต่อรองเหลือ 5 พื้นที่ กัมพูชายอมให้เข้าเก็บกู้ใน 5 พื้นที่ได้ ฉะนั้น 2 เรื่องหลักนี้ทางกัมพูชายอมรับและตอบรับมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะปฏิบัติตามถ้อยแถลงที่นายกฯได้ลงนามไว้

ส่วนกระแสข่าวปล่อยเชลยศึกวันที่ 12 พ.ย. นั้น เป็นเพียงการคาดการณ์กัน ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยวันที่ 12 พ.ย. เพราะเราต้องมาดูอีกทีว่าเฟส 1 ที่วางไว้สำเร็จหรือไม่ เพราะกำหนดไว้ว่าจะจบวันที่ 21 พ.ย. แต่ทางกัมพูชาบอกว่าจะทำให้เสร็จเร็วขึ้น น่าจะอยู่ประมาณวันที่ 10 – 12 พ.ย. ซึ่งเราแจ้งเขาไปว่าถ้าเขาทำเสร็จเร็วเราจะปล่อยเชลยศึกเร็ว เราจะดูที่ตัวเงื่อนไขไม่ใช่ดูวันที่

“ข่าวที่ออกมา ผมไม่ทราบว่าออกมาจากไหน ถ้าวันที่ 12 พ.ย. ถ้าเฟส 1 คือการถอนจรวดหลายลำกล้องและปืนใหญ่ระยะยิงไกล ถ้าถอนไม่หมดเราก็ไม่ปล่อยเชลยศึก ส่วนการเก็บกู้วัตถุระเบิดถ้า 5 พื้นที่ ที่รับปากไว้ว่าจะเก็บ ถ้าเราเข้าไปเก็บไม่ได้เราก็ไม่ปล่อย เพราะฉะนั้นถ้า 2 เรื่องนี้เป็นรูปธรรมก็จะมาดูกันอีกที ส่วนเรื่องสแกมเมอร์ตอนนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ และล่าสุดที่มีผู้เสียชีวิตจากคอลเซ็นเตอร์ ทางกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือดีขึ้นมากเป็นรูปธรรม” พล.อ.ณัฐพล ระบุ

รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จะทำไปตามสเต็ป โดยขั้นแรกคือให้เก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวที่เราจะปักหมุดชั่วคราว ซึ่งเราคาดว่าจะเสร็จในวันที่ 17 พ.ย.นี้ ที่จะสามารถเก็บกู้ทุ่นระเบิดแนวนั้นเสร็จ และหลังจากวันที่ 17 พ.ย.แล้วทางกรมแผนที่ทหารจะเริ่มไปปักหมุดชั่วคราว ส่วนการปักหมุดนั้นจะมี 2 แนวคือ แนวที่เรายึดถือและแนวที่กัมพูชาอ้างมา ซึ่งเราตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ว่าระหว่าง 2 แนว ขอให้ทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC ) ว่ากันไป แต่ใต้แนวที่เขาเตรียมมาก็ต้องออกไปซึ่งเขาก็ยอมรับ นี่คือความเป็นรูปธรรม

“ผมขอความร่วมมือสื่อช่วยอธิบายสังคมว่าบางทีเราก็ต้องปฏิบัติเหมือนกับประเทศที่มีวุฒิภาวะ เป็นประเทศที่มีอารยะ เพราะผมเคยบอกไปแล้วว่าจากการที่รมว.การต่างประเทศไปแถลงที่องค์การสหประชาชาติ (UN) เราได้รับการปรบมือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทางแล้ว คือเราใช้ความเป็นวุฒิภาวะ เพราะฉะนั้นเรายังคงต้องแสดงถึงความเป็นประเทศที่มีวุฒิภาวะ ประเทศอารยะ แต่ยืนยันได้เลยว่าถ้าตราบใดที่ผมยังอยู่ตรงนี้เรื่องอธิปไตยเราจะยึดถือแน่นอน ผลประโยชน์ของประเทศชาติเราต้องยึดถือ แต่เราทำตามขั้นตอน ตามอารยะประเทศที่เขาทำกัน” รมว.กลาโหม ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของปราสาทตาควายเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในขั้นต้นขอทำใน 5 อย่างนี้ก่อน ที่เพิ่มมาเรื่องที่ 5 คือเรื่องรั้ว ซึ่งจะทำเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมดแล้วจะมาเริ่มเก็บรายละเอียดทั้งปราสาทตาควาย ปราสาทคนา หรือเรื่องทางชำรากทั้งหมด เราจะค่อยๆ เก็บรายละเอียดไป จึงขอความเห็นใจสื่อเพราะเหตุเกิดสั่งสมมา 15 ปีแล้วตั้งแต่ปี 54 ตอนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งกัมพูชาก็มีการรุกล้ำเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านมา 15 ปีรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะตนในฐานะ รมว.กลาโหม กำลังจะแก้ไขรายละเอียดเหล่านี้ขอให้เวลาตน ถ้าทำเร็วจะไม่เรียบร้อย ยืนยันว่า 5 อย่างนี้จะทำให้เรียบร้อย และถ้าเสร็จ 5 อย่างนี้แล้วจะทำต่อไปเรื่อยๆ และหลังจากนั้นถ้ามีจังหวะจะมีการพิจารณาทำอย่างอื่นคู่ขนานกันไป

เมื่อถามว่า การปล่อยตัวเชลยศึกต้องทำให้ครบทั้ง 5 ข้อ หรือเพียงข้อใดข้อหนึ่ง รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตามถ้อยแถลงกำหนดไว้ 4 ข้อ ซึ่ง 2 ข้อเรื่องการถอนอาวุธหนักและเก็บกู้ทุ่นระเบิดเราให้ความสำคัญมาก เราให้หน่วยในพื้นที่คุยกัน โดยคณะของผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปตกลงกันไว้ที่ 2 ข้อหลักนี้ต้องเป็นรูปธรรม แต่ไม่ใช่ว่าข้ออื่นไม่สำคัญ ต้องมีเป็นรูปธรรมด้วยเช่นกัน ถ้าเราบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมดนี้เราจะปล่อย นอกจากนี้ที่สำคัญยังเหลือมาตรการเปิดด่านเราจะไม่แตะมาตรการนี้เลยจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ถ้าจะเปิดด่าน ทั้ง 5 ข้อต้องเรียบร้อย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ