‘ไทยศรีวิไลย์’ ลงพื้นที่ลพบุรี ติดตามความคืบหน้าคดี ‘ไฟแนนซ์หัวร้อน’ เผยเหตุล่าช้าเนื่องจากยังมีผู้เกี่ยวข้องในคดียังไม่มาให้ถ้อยคำ เตรียมยื่นเรื่องขอค่าชดเชยผู้เสียหายในคดีอาญาเหมือนกรณี ‘แตงโม’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วานนี้ 11 กรกฏาคม 2565 พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อม นางสาวภคอร  จันทรคณา รองหัวหน้าพรรค,นายสรกฤช  จันทรคณา โฆษกพรรคไทยศรีวิไลย์,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข  รองโฆษกพรรคไทยศรีวิไลย์ , นางสาวอรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์  รองโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิต ผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว ส.ส. ได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองลพบุรี เพื่อมาติดตามคดีที่เจ้าหน้าที่เร่งรัดติดตามหนี้สินของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง เกิดบันดาลโทสะ ระหว่างการเจรจาเพื่อจะยึดรถคืน ทำให้ก่อเหตุยิงคนขับรถและเพื่อน ซึ่งติดไฟแนนซ์ เสียชีวิต 1 ราย คือ นาย ธีรพันธ์  ทัตธนนท์นัทธ์  อายุ 35 ปี และบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายพีระพัฒน์ คำภูเวีย   เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2565  บริเวณซอย ศรีสุริโยทัย 2 ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า  เมื่อวานนี้ ตนได้พา นายชัยณรงค์  ดุสิต  บิดาผู้เสียชีวิต และ นางเกวลิน   ทัตธนนท์นัทธ์ มารดาผู้เสียชีวิต   มาพบ พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.เมืองลพบุรี มาติดตามความคืบหน้าของคดีเพราะเวลาผ่านมากว่า 106 วัน แล้ว   โดยผู้เสียชีวิตเป็นลูกจ้างบริษัทน้ำดื่มโออิชิ แต่ตัวรถกระบะเป็นรถของบริษัทน้ำดื่มโออิชิซึ่งติดไฟแนนซ์อยู่  คนขับรถเป็นเพื่อนกับผู้ตายได้รับบาดเจ็บ  โดยขณะนี้ผู้ต้องหาได้ทำการมอบตัวที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยาและทางตำรวจได้ส่งตัวมาที่ สภ.เมืองลพบุรี และตอนนี้ได้ทำการประกันตัวไปแล้ววางหลักประกัน 300,000 บาท โดยทาง ผกก.สภ.เมืองลพบุรี  แจ้งว่าผู้ต้องหานั้นกระทำความผิด ฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 อัตราโทษ สูงสุด ประหารชีวิต และ ข้อหาพกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะ  ซึ่งมีเจตนาฆ่าโดยให้ดูที่พฤติการณ์ของผู้กระทำความผิดเป็นหลักโดยคดีนี้ตำรวจสามารถหาประจักษ์พยานที่เป็นกล้องวงจรปิดได้ครบ ปัญหาอยู่ที่เป็นรถจำนำกันแบบไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งทางตำรวจต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนคดีติดตามมาสอบปากคำเจ้าของรถ แต่ไม่น่ามีผลต่อคดีหลัก  ซึ่งน่าจะสามารถสั่งฟ้องต่ออัยการจังหวัดลพบุรีได้ไม่เกินต้นเดือน สิงหาคม 2565 ส่วนการเจรจากับผู้ต้องหาในค่าความเสียหายทางแพ่งน่าจะจบกันไม่ได้ ต้องให้บิดามารดาผู้เสียหายฟ้องในคดีแพ่งต่อไป ส่วนคดีอาญาเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน

“คดีนี้ แตกต่างจากคดีที่ สภ.บางขุนเทียน ที่พ่อแม่ผู้เสียหายทำการตามหาพยานหลักฐานที่เป็นกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลด้วยตนเองมามอบให้พนักงานสอบสวน  ปัญหา คือ ตำรวจยังตามตัวผู้ขับชนทับและเจ้าของรถพ่วง ยังจับไม่ได้  แต่คดีไฟแนนซ์เลือดร้อนนี้ มีหลักฐานค่อนข้างครบแต่คดีไปล่าช้าที่ยังตามตัว ผู้เกี่ยวข้องในคดีบางรายที่ยังไม่มาให้ถ้อยคำ  ส่วนกรณีเงินชดเชยในส่วนของผู้เสียหายในคดีอาญาของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม รอพนักงานสอบสวนทำเอกสารเพื่อส่งต่อไปยังกระทรวงยุติธรรม  ซึ่งเงินชดเชยผู้เสียหายในคดีอาญาอยู่ที่ 30,000-110,000 บาท/ราย คล้ายกับคดีการเสียชีวิตของ นางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์(แตงโม)  ที่มารดาของนางสาวภัทรธิดาได้รับมาก่อนหน้านี้” นายมงคลกิตติ์กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯลงหาดใหญ่ครั้งที่ 5 นำทีมเศรษฐกิจหารือช่วยเหลือผู้ประกอบการ

นายกฯนำทีมเศรษฐกิจ-หน่วยงานการเงิน บินลงหาดใหญ่รอบที่ 5 คุยผู้ประกอบการ พร้อมลงพื้นที่สำรวจความเสียหายย่านธุรกิจตลาดกิมหยง ด้าน ‘ศุภจี’ยันมีมาตรการช่วยเหลือแน่นอน

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ท่าพระจันทร์-ท่ามหาราช ชวนร้านค้ารายย่อยสมัคร ‘คนละครึ่งพลัส’ ชูจุดเด่นสมัครง่าย ใช้สิทธิได้ทันที

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชิดชนก กฐินสมิต ผู้บริหารกลุ่ม ธุรกิจภาครัฐ ธนาคารกรุงไทยและพนักงาเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ รวมพลังลงพื้นที่บริเวณท่าพระจันทร์–ท่ามหาราช พร้อมเจ้าหน้าที่จากธนาคารกรุงไทย เพื่อประชาสัมพันธ์และเชิญชวนร้านค้ารายย่อยสมัครเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส”

‘รมว.นฤมล’ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส มอบทุนเด็กชายแดนใต้ รับฟังปัญหาครู พร้อมดันการศึกษา Learn to Earn สร้างรายได้ระหว่างเรียน

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตรวจเยี่ยมการจัดการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

'อนุทิน' วางคิว 10 ต.ค.ดูน้ำท่วม 11 ต.ค. ลงด้ามขวาน

'อนุทิน' เตรียมลงใต้ 11 ต.ค.นี้ถกความมั่นคง ขออย่าโยงเหตุบึ้มถี่ต้องรับ รบ.ใหม่ พร้อมปรับบุคลากรหากไม่ใส่ใจหน้าที่ ขณะที่10 ต.ค.จ่อลงพื้นที่ภาคกลางตอนบน ดูน้ำท่วม