บาฟส์ จับมือ มูลนิธิชัยพัฒนา และกองทัพภาคที่ 3 ผลักดันเกษตรกร จ.พิจิตร ปลูกข้าวอินทรีย์ ตามแนวพระราชดำริ

เมื่อเร็วๆนี้ หม่อมหลวง ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธีเกี่ยวข้าวพันธุ์พระราชทาน ปทุมธานี 1 เมล็ดพันธุ์พระราชทานโครงการทหารพันธุ์ดี เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่คลังน้ำมัน บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จํากัด หรือ FPT (บริษัทในกลุ่ม บาฟส์)  ที่ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร โดยเข้าร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 นำโดย พลเอก ทรงวุฒิ จิตตานนท์ ผู้ประสานงานโครงการทหารพันธุ์ดี มูลนิธิชัยพัฒนา , พลโทจิรวัฒน์ จุฬากุล ที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 3 และพลตรีกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 คณะผู้บริหารและพนักงาน กลุ่มบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS GROUP และเกษตรกร จ.พิจิตร

สำหรับช่วงเวลานี้ของทุกปี กิจกรรมการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวปทุมธานี 1 เมล็ดพันธุ์พระราชทาน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญของพื้นที่แห่งนี้ และ ของกลุ่มบริษัท บาฟส์ โดยกิจกรรมนี้มีจุดเริ่มต้นจาก กองทัพภาคที่ 3  ได้ดำเนินโครงการทหารพันธุ์ดี  จัดทำแปลงนาข้าว และพืชผลทางการเกษตรต้นแบบในการผลิตเมล็ดพันธุ์พืช ในพื้นที่ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือ บาฟส์ ได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโครงการทหารพันธุ์ดี มาโดยตลอด ซึ่งทาง มูลนิธิชัยพัฒนา ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์สาธารณะที่จะเกิดแก่พื้นที่ จึงได้กรุณาเสนอให้กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับกลุ่มบริษัท บาฟส์  ขอพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว ปทุมธานี 1 มอบให้แก่เกษตรในพื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร  และถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9   

โดยประโยชน์การจัดทำโครงการ ประกอบด้วยหลายประการ อาทิ 

1.การนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้จากโครงการปลูกข้าวเกษตรอินทรีย์ พื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร ปี 2565 นี้ ขึ้นทูลเกล้าถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี

2.เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ การปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย์ ตามแนวพระราชดำริ ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่

3.เพื่อเพิ่มรายได้และคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร รวมถึงการมีสุขภาพอนามัยที่ดีปลอดภัย เพราะการไม่ใช้สารเคมี และลดการเผาทำลายวัชพืชในพื้นที่

สำหรับโครงการในปีนี้ ได้ใช้พื้นที่แปลงนาข้าว ด้านทิศตะวันตกของคลังน้ำมันพิจิตร พื้นที่ประมาณ 143 ไร่ บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จํากัด หรือ FPT (บริษัทในกลุ่ม บาฟส์)  ซึ่งกลุ่มบริษัท บาฟส์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง  ที่ได้ให้การสนับสนุนโครงการจัดทำแปลงนาข้าวเกษตรอินทรีย์พื้นที่คลังน้ำมันพิจิตร โดย บาฟส์ ความเชื่อมั่นว่า ด้วยการความเชี่ยวชาญในเรื่องการปลูกข้าววิถีเกษตรอินทรีย์ ตามแนวพระราชดำริ จากโครงการทหารพันธุ์ดี  มาผนวกเข้ากับความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสังคม ชุมชนและความยั่งยืน มาตลอดเกือบ 40 ปี ของ บาฟส์  รวมถึงการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนและทุกภาคส่วน จะทำให้โครงการนี้ สามารถส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชน ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"อนุชา" เดินหน้าพบปะพี่น้องประชาชนลงพื้นที่ต่อเนื่อง หลังย้ายร่วมงาน รทสช. ชูนโยบายเงินบาทแรกจากแผ่นดิน หนุนโครงการโค ช่วยเกษตรกรร่ำรวย

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เพื่อพบปะผู้แทนชุมชนในพื้นที่ เขต 1 จังหวัดชัยนาทเปิดใจหลังจากที่ตนตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการ

'เศรษฐา' โยนกลองโทษรัฐประหาร ไม่สน ส.ว.วันชัย เตือนระวังซ้ำรอยทักษิณ-ยิ่งลักษณ์

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตส.ส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย

นายกฯ ยันแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 มาทุกปี

นายกฯ ยืนยันแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาตลอด หลังเชียงใหม่ติดอันดับเมืองมลพิษโลก ขอร้องหยุดเผาวัชพืช บอกไม่อยากใช้กฎหมาย เพราะเห็นใจส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร

ลูกอีสาน บนเส้นทางผู้ประกอบการเกษตร

ปัญหาของภาคเกษตรโดยรวมไม่เฉพาะบ้านเรา คือเกษตรกรอายุเฉลี่ยมากขึ้น  เมื่อไม่นานมานี้ดูข่าวทีวีช่องหนึ่งไปสัมภาษณ์ชาวสวนลำไยที่ทุกคนสูงวัย และพูดถึงลูกหลานไม่สนใจทำอาชีพเกษตร

อึ้ง! ชุมพรมีรถดูดส้วมถูกกม.เพียงคันเดียวทั้งจังหวัด ขายสิ่งปฏิกูลให้ชาวสวน

จากกรณีที่กรมอนามัยจัดอันดับให้ จ.ชุมพร อยู่ในพื้นที่โซนสีแดง เพราะไม่มีระบบกำจัดสิ่งปฏิกูลภายในจังหวัดอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน และมีรถดูดส้วมที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียง 1 คัน ในจังหวัดชุมพร