กิโยตินกฎหมาย บันไดขั้นสำคัญขจัดปัญหาการทุจริตของไทย

ประเทศไทยมีกฎหมายจำนวนมากที่ออกมาบังคับใช้  จะเห็นจากมีพระราชบัญญัติเกือบ 1,400 ฉบับ และมีกฎหมายลำดับรองอีกกว่า 100,000 ฉบับ ไม่นับรวมกฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับอื่น ๆ อีก ในขณะที่องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) แนะนำว่าประเทศที่ดีควรมีแค่ไม่เกิน 300 ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบัน มีความซ้ำซ้อน มีกระบวนการและขั้นตอนที่ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชน ทั้งที่ควรจะเป็นการสนับสนุน ซึ่งส่งผลต่อการกีดกันความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ซึ่งปัญหาของการขัดกันของกฎหมายภายในประเทศและความล้าสมัยของกฎหมายเป็นตัวฉุดที่สำคัญอันหนึ่ง เพราะการที่เรามีกฎระเบียบจำนวนมาก นอกจากจะฉุดทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพิ่มภาระต้นทุนมหาศาลแล้ว ยังทำให้กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งการบังคับใช้ก็เป็นไปอย่างไม่เสมอภาค เกิดสังคมสองมาตรฐานเลือกปฏิบัติ และสร้างเงื่อนไขที่ส่งเสริมการทุจริตคอร์รัปชันไปทั่วทุกหัวระแหง และเมื่อมีกฎหมายจำนวนมาก ก็ต้องสร้างต้องขยายภาครัฐที่ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีข้าราชการอยู่ในระบบมากกว่าสองล้านสองแสนคน

จึงเป็นที่มาของการที่ประเทศไทยต้องนำแนวทางของ การปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Guillotine) เพื่อทบทวน ปรับแก้โครงสร้างกฎหมาย ที่ล้าสมัย ที่ย้อนแย้งกัน ให้ทันต่อยุคสมัย โดยทำ 4 ขั้นตอน การปรับกฎหมายในเรื่องที่ล้าสมัย สร้างความไม่สะดวก สร้างภาระต่อการปฏิบัติ ให้ยกเลิกการใช้งาน กฎหมายที่มีลักษณะคล้ายกันรวมให้อยู่ในฉบับเดียวกัน ส่วนกฎหมายที่ดีอยู่แล้วดำเนินการต่อ และกฎหมายที่ยังไม่มี แต่จำเป็นต้องใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันก็ให้เขียนขึ้นมาใหม่ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ที่ผ่านมามีการทดลองปรับแก้กฎหมายในโครงการทบทวนการอนุญาตของทางราชการ อยู่ภายใต้คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชน ในคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน (Thailand’s Simple and Smart License) โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย โดยมีสก๊อต เจคอบ (Scott Jacobs) ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการด้าน Regulatory Reform ของ OECD และปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Jacobs, Cordova & Associates มีประสบการณ์ในการวางระบบการปฏิรูปกฎหมายในหลายประเทศทั่วโลก เป็นที่ปรึกษาโครงการ

ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวได้มีการทดลองนำกฎหมายที่ศึกษาทั้งสิ้นมี 1,094 กระบวนงาน จาก 16 กระทรวง 47 กรม โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า checklist โดยจะทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และกระบวนงานใน 2 มิติ คือ 1. ด้านนิติศาสตร์: การทบทวนความจำเป็นทางกฎหมาย 2. ด้านเศรษฐศาสตร์: การทบทวนความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ ผลที่ได้สามารถประหยัดต้นทุนภาค ประชาชนและภาคธุรกิจได้ ถึง 133,816 ล้านบาทต่อ ปี หรือคิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP

การปฏิรูปกฎหมาย นอกจากจะช่วยให้ภาคประชาชนและภาคธุรกิจประหยัดต้นทุนในการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังจะช่วยยกระดับการทำงานที่เกี่ยวกับการอนุมัติ - อนุญาต โดยการลดขั้นตอน ลดเอกสาร เพิ่มความรวดเร็ว ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อประสานงาน นักธุรกิจสามารถการดำเนินธุรกิจราบรื่น ไม่มีกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เป็นอุปสรรค รวมทั้งไม่มีช่องช่องโหว่ หรือโอกาสที่เจ้าหน้าที่จะพบปะกับนักธุรกิจ เพื่อเจรจาต่อรองเรียกรับสินบนด้วย

นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยตรงได้ให้มุมมองไว้ว่า “กฎหมายต้องมีการปรับเปลี่ยนตามกาลเวลา ตามสังคมเปลี่ยนไป กฎหมายหนึ่งอาจจะเหมาะในยุคหนึ่ง เมื่อมาอีกยุคหนึ่งต้องยกเลิกกฎหมายเดิม เนื่องจากไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับความเป็นสากล  อาจส่งผลต่อการประเมินค่าดัชนี CPI ประเทศไทย”

เรื่องการปฏิรูปกฎหมาย (Regulatory Guillotine) นี้อาจฟังดูเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกฎหมายและระบบข้าราชการทั้งหมด หากทำได้สำเร็จ จะเป็นการปลดล็อกประเทศ และลดคอร์รัปชันได้ในที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มีคนติดคุกแน่! แนะ ป.ป.ช. สอบ 12 ประเด็น 'หมอวาโย' วินิจฉัยโรค 'ทักษิณ'

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า แนะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำ 12 ประเด็น

'ปธ.วิปรัฐบาล' ขู่ฝ่ายค้าน ห้ามแตะ 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง' โดนฟ้องแน่

'ปธ.วิปรัฐบาล' ขู่ 'ฝ่ายค้าน' ซักฟอกพาดพิง 'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง' ระวังถูกฟ้อง ไม่กังวลรัฐบาลโดนยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบซํ้า ชี้กรอบเวลาอภิปรายไม่เป็นธรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ ดิ้นสู้หมายจับ ร้องค้าน พงส.สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจสอบ ชี้เรื่องไป ป.ป.ช.แล้ว

ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ยื่นหนังสือถึง ผกก.สน.เตาปูน คัดค้านพนักงานสอบสวนคดีเว็ปพนันออนไลน์บีเอ็นเคไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกหมายเรียกหรือออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องกราวรูด ชุดทำคดีเว็บพนัน ไม่ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.

นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมายื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้ง และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีเว็บพนัน BNk Master ของ สน.เตาปูน รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง