สมาคมโรคเบาหวานฯ ผนึกพลังภาคีเครือข่าย จัดงานมหกรรมสุขภาพ เนื่องในวันเบาหวานโลก 2566 ชูแคมเปญ “รู้ว่าเสี่ยง รู้แล้วต้องเปลี่ยน”

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายคนไทยไร้พุง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัย กทม. กรมควบคุมโรค สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย เครือข่ายชมรมเบาหวานไทย ชมรมเพื่อเด็กและวัยรุ่นเบาหวาน กลุ่มเพื่อนเบาหวาน และภาคีภาคเอกชน โดยถือเอาวันเบาหวานโลก 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นช่วงเวลาในการจัดกิจกรรมรวมพลังรณรงค์การสร้างความรับรู้ (diabetes awareness) ในปีนี้มีการจัดงาน “มหกรรมสุขภาพเนื่องในวันเบาหวานโลก 2566”วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ณ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

รศ.นพ.เพชร รอดอารีย์ ประธานจัดงานวันเบาหวานโลก และเลขาธิการสมาคมโรคเบาหวาน กล่าวว่า อุบัติการณ์ของโรคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคุกคามไปทั่วโลก ข้อมูลของ IDF Atlas ปี 2021 พบมีผู้เป็นเบาหวานทั่วโลกมากกว่า 530 ล้านคน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว รวมทั้งผู้ใหญ่วัยต้นช่วงอายุน้อยกว่า 30 ปี ยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กลุ่มประเทศที่มีอัตราเพิ่มขึ้นรวดเร็ว อยู่ในแถบแอฟริกา แปซิฟิกตะวันตก และเอเชียตะวันออกฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย 

“มีข้อมูลชี้ชัดว่าการดำเนินโรค ในวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว และผู้ใหญ่วัยต้นนั้น รุนแรงกว่าเบาหวาน ที่เกิดในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ รวมถึงตอบสนองต่อการรักษาได้น้อยกว่า นำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ รวดเร็วและรุนแรงกว่า สร้างความสูญเสียอย่างมากทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นกลุ่มประชากรในวัยทำงาน”

​ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ กล่าวเสริมว่าในประเทศไทย ยังคงมีผู้เป็นเบาหวานรายใหม่เพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 3 แสนราย และมีผู้ที่เป็นเบาหวาน 5 คนใน 11 คน ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย เพราะไม่ตระหนักถึงอาการและความเสี่ยง ทำให้ตรวจคัดกรองล่าช้า หากไม่ได้รักษาอย่างเหมาะสม จะเกิดโรคแทรกซ้อนในอวัยวะต่าง ๆ

ที่พบบ่อย มีทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวานขึ้นจอประสาทตา โรคไตวายจากเบาหวาน รวมถึงหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต ระบบประสาทชา เท้าเป็นแผลเรื้อรังไม่หายจนต้องตัดขา เบาหวานที่ควบคุมไม่ดีจะนำมาซึ่งโรคแทรกซ้อนมากมาย กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่อ้วน รวมถึงคนวัยทำงานคือกลุ่มเสี่ยงที่มีอัตราการเกิดโรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

​“ปัจจุบันพบในเด็กและวัยหนุ่มสาวมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากโรคอ้วนในเด็กที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิต

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่จำเป็นต้อง รู้วิธีการดูแลลูก ให้ใช้ชีวิตอย่างสมดุล ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการนอน จะทำให้เด็กเติบโตได้อย่างสมวัย ไม่มีภาวะน้ำหนักเกิน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงเบาหวานในอนาคต ”

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลการลงทะเบียนผู้ป่วยเบาหวานในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปีในประเทศไทย พบว่า ผู้ป่วยที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี 72% จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีสาเหตุจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายตับอ่อน ทำให้ไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ส่วนกลุ่มอายุ 20 ปีขึ้นไปมักจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ปัจจุบันพบถึง 61% สาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่กินอาหารที่พลังงานสูง กินผักน้อย ชอบบริโภคขนมหวาน หรือเครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลมากเกินพอดี รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตเนือยนิ่ง ขาดการออกกำลังกาย และการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ

“จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยเห็นได้ชัดว่า เบาหวานชนิดที่สองในคนอายุต่ำกว่า 15-30 ปี จะเยอะขึ้น และลดลงหลังอายุ 70 ปี คนที่เป็นมาแล้วมักเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อน การที่คนไทยเป็นโรคอ้วนมากขึ้น ทำให้เบาหวาน และโรคในกลุ่ม NCDs อื่น ๆ ควบคุมได้ยากขึ้นด้วย ที่น่าห่วงคือกลุ่มคนวัยทำงานที่ไม่ตระหนักถึงอาการของเบาหวานหรือความเสี่ยงของตนเอง และได้รับการตรวจคัดกรองที่ล่าช้า ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หากคนในวัยนี้ไม่ดูแลสุขภาพ เมื่อเข้าสู่วัยชราปัญหาสุขภาพต่างๆก็จะตามมา ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตและค่าใช้จ่ายทางสุขภาพของครอบครัวและประเทศ ”ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี กล่าว ถึงแนวทางป้องกันโรคเพิ่มเติมว่า

​ควรหลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด เค็มจัด มันจัด หมั่นออกกำลังกาย ดูแลอารมณ์ การนอนหลับและรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุล หากปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ก็สามารถป้องกันได้ หรือคนที่เป็นเบาหวานแล้วไม่นาน ก็มีโอกาสกลับไปสู่ภาวะปกติจนสามารถลดการใช้ยาได้ เรียกว่า “เบาหวานระยะสงบ” ขณะเดียวกันการตรวจคัดกรอง จะช่วยให้ทราบความเสี่ยงได้เร็ว และจัดการดูแลให้เหมาะสมได้ทันท่วงที

​ซึ่งสอดคล้องกับ แคมเปญวันเบาหวานโลก ในปี 2566 ของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ

( IDF: International Diabetes Federation) ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญ ในการรู้ถึงความเสี่ยงของโรค และภาวะแทรกซ้อน สามารถชะลอหรือป้องกันได้โดยการปรับและรักษานิสัยที่ดีต่อสุขภาพ หากตรวจพบและรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเดย์ ส.ค. นี้ ลุยปูพรมสำรวจสุขภาพคนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 7 รามาฯ - สธ. – สวรส. - สสส. สานพลัง มหาวิทยาลัย 4 ภาค ลงพื้นที่ประเมินสุขภาพกาย-ใจ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2567 ที่โรงแรม แกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่นโฮเทล จ.นนทบุรี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

ผลักดันกม.ละเมิดในโลกออนไลน์ เยาวชนเผชิญภัยคุกคามพุ่งพรวด

มีความร่วมมือระหว่าง สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา (สำนัก 11) สสส. กับสำนักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาร่างบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์

MRT Healthy Station เดินทางสู่เฟซ 3 สสส. สานพลัง BMN ต่อยอดพื้นที่สาธารณะสื่อสารสุขภาพ เนรมิตอุโมงค์บางซื่อ ให้กลายเป็น Walk Stadium เดินฟาสต์ให้ร่างฟิต

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูล์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. มุ่งสร้างนวัตกรรมสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs)

“สมศักดิ์” เห็นชอบตั้ง “ชาญเชาวน์” อดีตปลัดยุติธรรม จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้องปราบบุหรี่ไฟฟ้า กวดขัน “ห้ามพกพา-สูบ” ในสถานที่ราชการ สนามบิน

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 1

'นุ่น สินิทธา' กับชีวิตที่เปลี่ยนไป ใช้ 'Water Fasting' รักษาเนื้องอก!

นักแสดงสาวสายสุขภาพ "นุ่น-สินิทธา บุญยศักดิ์" เปิดใจเล่าถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป หันมาใส่ใจสุขภาพสาเหตุจากการป่วยเป็นโรคเนื้องอก ทำทุกวิถีทางจนต้องใช้การรักษาแบบ Water Fasting เพราะต้องการมีอิสรภาพทางการแพทย์ ในรายการ "On the way with Chom" โดยมีซูเปอร์สตาร์ตัวแม่ "ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต" รับหน้าที่เป็นพิธีกร

สุขให้เป็น..ก็เป็นสุข จิตวิทยาเชิงบวก ห่างไกล...ซึมเศร้า

ในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง “สุขเป็น:จิตวิทยาเชิงบวกในชุมชนโดยกลไกชุมชน” ภายใต้โครงการสร้างเสริมสุขภาวะทางจิต เด็ก เยาวชน และครอบครัว ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ