“สุชาติ" หารือทูตลักเซมเบิร์ก วางแผนจับคู่ธุรกิจและเชิญชวนลักเซมเบิร์กลงทุนในไทยเพิ่ม”

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือเอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทยเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับราชรัฐลักเซมเบิร์ก รวมถึงการเจรจา FTA ไทย-EU

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้พบหารือกับนายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ณ กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่ายังสามารถขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยตนได้เชิญชวนให้ลักเซมเบิร์กซึ่งเป็นประเทศที่มีจุดแข็งในการให้บริการทางด้านการเงินและการธนาคาร เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญของยุโรป ขยายการลงทุนในไทย และมีความร่วมมือเพิ่มเติมกับไทย เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย และนวัตกรรมทางการเงิน (Financial Technology: FinTech) และปัจจุบันมีการลงทุนในไทยหลายอุตสาหกรรม เช่น โลจิสติกส์ (Cargolux) ดาวเทียม (SES) เหล็ก (AcelorMittal)

นายสุชาติเพิ่มเติมว่า ได้หารือแผนการจับคู่นักธุรกิจไทยกับคณะนักธุรกิจจากลักเซมเบิร์ก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การค้าต่างประเทศและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลักเซมเบิร์ก (นายซาวีเยร์ เบตแตล) มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจเดินทางเยือนประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งเชิญชวนให้นักธุรกิจลักเซมเบิร์กเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ เช่น งานแสดงสินค้านานาชาติที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย การเจรจาธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังได้ขอให้ลักเซมเบิร์กในฐานะประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) สนับสนุนการเจรจา FTA ไทย-อียู เพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาได้โดยเร็ว โดยเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิกอียู 27 ประเทศ รวมถึงลักเซมเบิร์กด้วย ซึ่งท่านทูตลักเซมเบิร์กได้แจ้งพร้อมให้การสนับสนุนการเจรจา FTA กับไทยเพื่อบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมและได้ประโยชน์ร่วมกัน

ในปี 2566 ลักเซมเบิร์กเป็นคู่ค้าอันดับที่ 155 ของไทย การค้ารวมมีมูลค่า 21.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.0038 ของการค้าไทยในตลาดโลก ลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 18.16 ไทยส่งออกสินค้าไปลักเซมเบิร์กมีมูลค่า 8.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนของการส่งออกของไทยไปตลาดโลกร้อยละ 0.0028 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 15.64 ขณะที่นำเข้าสินค้าจากลักเซมเบิร์กมีมูลค่า 13.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนของการนำเข้าของไทยจากตลาดโลกร้อยละ 0.0047 ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 30.22 โดยไทยเสียเปรียบดุลการค้า 5.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น (1) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (2) หลอดไฟฟ้า(3) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ (4) เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว (5) สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ (6) อัญมณีและเครื่องประดับ (7) เครื่องใช้สำหรับเดินทาง (8) เครื่องดื่ม (9) ยานพาหนะอื่น ๆ และส่วนประกอบ (10) ประทีปโคมไฟ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น (1) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (2) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (3) เคมีภัณฑ์ (4) ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (5) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (6) กระจก แก้ว และผลิตภัณฑ์ (7) ผ้าผืน (8) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ (9) กระดาษ และผลิตภัณฑ์กระดาษ และ (10) ผลิตภัณฑ์โลหะ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุชาติ”ลงพื้นที่ จ.ชุมพร ดูแลชาวสวนมังคุด พร้อมแจกกล่องใส่ผลไม้ให้ชาวสวน 20,000 กล่อง ช่วยลดต้นทุน

วันที่ 15 มิถุนายน 2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านภูมิธรรม เวชยชัย ให้ลงพื้นที่สวนมังคุด ณ สวนภูดิศ ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร โดยนายสุชาติ เปิดเผยว่า

"สุชาติ" รับลูก "ภูมิธรรม" ลงพื้นที่ จ.ชุมพร ตรวจเข้ม รับซื้อปาล์ม -เผยล้งทุเรียนพร้อมรับซื้อทุเรียนใต้ คาดราคาสูงถึง กก.ละ 170 บาท

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านภูมิธรรม เวชยชัย ให้ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร ติดตามสถานการณ์ด้านราคาและปริมาณผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม

"สุชาติ” ดัน ITD นำนโยบายรัฐต่อยอดวิจัยพร้อมจัดอบรม พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

วันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังพบกับผู้บริหารสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) (สคพ.) พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า