ตามที่สื่อสังคมโซเชียลได้เสนอข่าวเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม เข้าพบเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อยื่นหนังสือเชิญเจ้าของร้านพบเจ้าหน้าที่ เพื่อขึ้นทะเบียนประกันสังคม เป็นเหตุให้นายจ้างและลูกจ้างตัดพ้อว่าเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับให้เจ้าของร้านและลูกจ้างขึ้นทะเบียนประกันสังคม นั้น
ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 และ พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 กฎหมายได้กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป หรือกรณีมีลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนให้ลูกจ้าง ทั้ง 2 กองทุน ต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน ซึ่งหากนายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดจะส่งผลดีต่อลูกจ้างเป็นอย่างมาก เพราะลูกจ้างจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนประกันสังคมครอบคลุม ทั้ง 7 กรณีในทุกช่วงวัย ได้แก่ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน และกองทุนเงินทดแทนให้ความคุ้มครองเมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย สูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพในการทำงานของร่างกาย ทุพพลภาพ ตาย หรือสูญหาย อันเนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้าง
นายบุญสงค์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เป็นข่าวนั้น เป็นการเชิญชวนเพื่อให้นายจ้างเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงขอความร่วมมือนายจ้างดำเนินการแจ้งการขึ้นทะเบียนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อสิทธิประโยชน์อันพึ่งมีพึ่งได้ของลูกจ้างผู้ประกันตน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม และกองทุนเงินทดแทน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ยังฝากประชาสัมพันธ์ถึง นายจ้าง ในกรณีที่มีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้ยื่นแบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมระบุสาเหตุการออกจากงาน หรือกรณีที่ผู้ประกันตนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ให้ยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส.6-10) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง อย่างไรก็ดีนายจ้างสามารถทำธุรกรรมงานทะเบียนได้ด้วยตนเองผ่านระบบ e-Service ที่ www.sso.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"พิพัฒน์" ส่ง สปส. จับมือการยางแห่งประเทศไทย ดูแลชาวสวนยาง กว่า 1.5 ล้านคน ให้สิทธิประโยชน์ ม. 40 สร้างคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 15.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความเชื่อมั่นประกันสังคมมาตรา 40 รุ่นที่ 2 พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กระทรวงแรงงาน
ประกันสังคม เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนเปลี่ยน รพ. ปี 68 ผ่าน 4 ช่องทาง เริ่ม 16 ธ.ค.67 นี้
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งว่า สำนักงานประกันสังคม แจ้งให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลประจำปี 2568 ได้ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 4 ช่องทาง คือ 1.
บุญสงค์ ปลัดแรงงาน เปิดประชุมรับฟังความคิดเห็น พร้อมขับเคลื่อนการเพิ่มสิทธิประโยชน์ประกันสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน
วันที่ 9 ธันวาคม 67 เวลา 13.30 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น “การเพิ่มสิทธิประโยชน์เมื่อปรับเพดานค่าจ้าง” โดยมี นางมารศรี ใจรังษี
'พิพัฒน์' มอบ เลขา 'อารี' วางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง พร้อมยกระดับการให้บริการ เพิ่มความสะดวกแก่ นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนในเขตพื้นที่ทั้ง 10 อำเภอ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง ในวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2567
รมว. พิพัฒน์ มอบ เลขาธิการ สปส. มารศรี ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ตรวจเยี่ยมผู้ประกันตนทุพพลภาพ ในโครงการ สปส. มอบสุข
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้รับมอบหมายจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ในโครงการ
"พิพัฒน์” ลุยเพื่อแรงงาน ถกประกันสังคมเอสโตเนีย ยกระดับบริการให้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางมารศรี ใจรังษี