ชี้คนไทย"พร่อง"กิจกรรมทางกาย สสส.รณรงค์สร้างสุขกระฉับกระเฉง

โรคไม่ติดต่อ (NCDs) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 1 เฉลี่ย 3 แสนคนต่อปี คิดเป็น 75% ของสาเหตุการตายทั้งหมด ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รับประทานอาหารไม่ถูกหลักตามโภชนาการ ที่สำคัญขาดการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ

เป็นที่น่ากังวลใจว่า สังคมไทยมีสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำด้านกิจกรรมทางกายอยู่ในระดับสูงมาก จากการศึกษาสำรวจในรอบ 12 ปี (ปี 2555-2566) พบว่า คนไทยมีระดับกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ต่ำกว่า 70% สะท้อนว่ายังมีคนไทยกว่า 30% ไม่สามารถมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอได้ โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งส่งผลให้สถานการณ์แย่ลง เนื่องจากไม่สามารถทำกิจกรรมนอกบ้านได้ จึงจำเป็นต้องเร่งสานพลังความร่วมมือส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ตอบโจทย์เป้าหมายของแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573 เพิ่มอัตราการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอของคนไทยให้อยู่ที่ 85% ภายในปี 2573

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคีเครือข่าย จัดงานแถลงสถานการณ์ “12 ปี การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อวิถีชีวิตสุขภาวะของคนไทย” เพื่อสะท้อนสถานการณ์และการขับเคลื่อนการมีกิจกรรมทางกาย รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการออกแบบและกำหนดทิศทางการส่งเสริมและสนับสนุนการมีกิจกรรมทางกายอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สร้างระบบกลไกการสนับสนุนการมีกิจกรรมทางกาย ลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง นำไปสู่การผลักดันนโยบายระดับประเทศ

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. เผยว่า ปัจจุบันเราใช้ชีวิตสะดวกสบายกลับมานอนที่บ้านเป็นวิถีชีวิตที่อันตราย ตาย พิการก่อนวัยอันควร ร่างกายต้องมีหลอดเลือดที่ยืดหยุ่น โรคหัวใจ เส้นเลือดสมองตีบ โรค NCDs เกิดโรคมหาศาลกว่าจะรู้ตัว อายุ 50-60 ปีกลายเป็นโรคอัมพาตติดเตียง

ผลงานวิจัยพบความเหลื่อมล้ำในการออกกำลังกาย ดังนั้นต้องสร้างนิสัยในการตระหนักรู้ ถ้าเราออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง อายุจะยืน 7 ชั่วโมง เบาหวานหายได้ถ้าออกกำลังกายและควบคุมอาหาร ลงทุนออกกำลังกายวันนี้เพื่อเราจะได้ไม่เสียชีวิตก่อนวัย ไม่ป่วยนอนติดเตียง ต้องช่วยกันสร้างค่านิยมการออกกำลังกายเป็นเรื่องปกติ คนที่ไม่ออกกำลังกายเป็นคนผิดปกติ กทม.สร้างสวนสาธารณะ 10 นาทีกระจายไปหลายพื้นที่

"สสส.ร่วมกับภาคีเครือข่าย เร่งขับเคลื่อนกลยุทธ์การส่งเสริมและการสนับสนุนการมีกิจกรรมทางกาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนเข้าถึงกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ ผ่าน 3 มาตรการ ได้แก่

1.รณรงค์ส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่อง โดยออกแบบมาตรการให้เหมาะสมตามบริบทของชุมชน เช่น ‘Healthy city เมืองน่าอยู่ เมืองสุขภาพดี’, ‘ลานสร้างสุขภาวะชุมชน’

2.จัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่ และพื้นที่สาธารณะอย่างปลอดภัย เช่น ‘พัก กะ Park พื้นที่สุขภาวะแบบมีส่วนร่วม’, ‘สวน 15 นาทีสวนสาธารณะใกล้บ้าน’

3.จัดกิจกรรมและบริการด้านการส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมและหลากหลาย เช่น ‘Healthy Organization องค์กรสุขภาพดี’, ‘Healthy+Active Meeting การประชุมสุขภาพดี’ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง พัฒนานวัตกรรม และสร้างโอกาสในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียมและยั่งยืน" ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

รศ. ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์ TPAK เปิดเผยว่า ประชากร 5 กลุ่มที่กำลังเผชิญความเหลื่อมล้ำโอกาสเข้าถึงการมีกิจกรรมทางกาย ได้แก่ 1.กลุ่มผู้สูงอายุ  มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 60% 2.กลุ่มที่มีรายได้น้อย มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 59% 3.กลุ่มผู้ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพหรือไม่ทำงาน มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 46.5% 4.กลุ่มผู้หญิง มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 40% ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าห่วง เนื่องจากตกอยู่ในภาวะขาดกิจกรรมทางกายที่เพียงพอกว่า 16 ล้านคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านดูแลครอบครัวและลูก ผู้หญิงที่มีรายได้น้อย ขาดความมั่นใจหรือกังวลเรื่องการถูกตีตราจากสังคม เช่น เล่นกีฬาไม่เป็น/ไม่เก่ง ไม่มั่นใจในรูปร่างหรือมีภาวะอ้วน มีอุปสรรคในการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะในเขตชนบท 5.กลุ่มเด็ก มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ 20% เทียบเท่ากับ 4 ใน 5 คนมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ กระทบต่อการเรียนรู้ในระยะยาว

มีการเจาะลึกข้อมูลเปรียบเทียบชายและหญิงมีกิจกรรมทางกายไม่เท่ากัน หญิงออกกำลังกายน้อยกว่าชายเนื่องจากมีภารกิจการเป็นแม่บ้าน คนมีรายได้น้อยจะออกกำลังกายน้อยกว่าคนมีรายได้มาก การศึกษาน้อยมักออกกำลังกายน้อยกว่าคนมีการศึกษาสูง คนเมืองออกกำลังกายน้อยกว่าคนในชนบท และยังมีข้อสังเกตด้วยว่า กลุ่มทำงานออนไลน์ ไรเดอร์จะออกกำลังกายน้อยกว่าอาชีพอื่นๆ

“การติดตามประเมินผลการมีกิจกรรมทางกาย และภาวะเนือยนิ่งที่ทันต่อสถานการณ์จำเป็นอย่างยิ่ง การใช้ข้อมูลเชิงวิชาการสนับสนุนการขับเคลื่อนทางนโยบาย และกลยุทธ์การสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ลดพฤติกรรมเนือยนิ่งให้ตรงกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอแก่ประชากรในประเทศ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย www.tpak.or.th/th” ผู้อำนวยการศูนย์ TPAK กล่าว

ดร. นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการ สสส. เปิดเผยว่า กำหนดเป้าหมายในปี 2573 ส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นเป็น 85% จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินงานแบบบูรณาการจากหลายภาคส่วนร่วมเป็นภาคีเครือข่าย ทั้งภาคการศึกษา การคมนาคมขนส่ง การบริหารจัดการเมือง ภาคการกีฬา นันทนาการและการท่องเที่ยว ภาคเอกชนรวมถึงชุมชนท้องถิ่น ก่อนหน้านี้ในช่วงสถานการณ์โควิดโลกทั้งโลกอยู่บ้านต้านโควิด มีพฤติกรรมคนไทยเนือยนิ่ง กระทั่งเปิดเมืองมีกิจกรรมทางกายดีขึ้นก็จริง แต่ยังไม่ถึงจุดที่น่าพอใจ ตามที่ WHO องค์การอนามัยโลกได้กำหนดกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150-300 นาที ดังนั้นต้องร่วมกันสานพลังภาคี ส่งเสริมกิจกรรมทางกายวิถีใหม่ภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 Actives สร้างความตระหนักรู้ความเข้าใจในระดับบุคคล ส่งเสริมให้คนมีความกระฉับกระเฉง การสร้างกิจกรรมมวลชน วิ่ง ปั่นจักรยาน สื่อสารกับสังคมโดยมีฐานข้อมูลองค์ความรู้จากงานวิจัยมารองรับ

“เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มประชากรที่มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ WHO เร่งผลักดันให้กิจกรรมทางกายเป็นวาระสำคัญระดับชาติ สร้างความร่วมมือเพื่อเป็นการลดช่องว่างการดำเนินงานให้เกิดขึ้นอย่างเสมอภาค นับตั้งแต่ 1.Workplace สถานที่ทำงาน สถานประกอบการ จัดให้มีกิจกรรมทางกาย 2.Whole of School  Approach ทุกวันนี้เด็กมีกิจกรรมทางกายน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับเด็กในระดับโลก เพราะเด็กอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ถึงเวลาจะต้องปรับเปลี่ยนเวลาให้เด็กใช้เวลาอยู่ในสนามกีฬา ปรับหลักสูตรให้มีพื้นที่เล่น แทนที่จะนั่งอยู่บนโต๊ะเรียน จัดกิจกรรมจัดสวน 3.Community Wide Programmes จัดเส้นทางในชุมชนเป็นงานที่ท้าทายสำหรับการออกแบบ” ดร. นพ.ไพโรจน์ชี้แจง

ดร. นพ.ไพโรจน์ยืนยันว่า การทำงานในเชิงกระตุ้นด้วยการรวมพลังสร้างศักยภาพ ม.มหิดลเคยทำเครื่องวัดออกกำลังกายให้มีความพร้อมทั้งบุคลากรจัดเป็นเครือข่ายเชื่อมในระดับโลกด้วย งานนี้จะลดความเหลื่อมล้ำเติมเต็มเพื่อสร้างความเป็นธรรม ลดโรค NCDs คนไทยจะมีสุขภาพดีทั้ง 4 มิติ มีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน จะเอาชนะข้อท้าทายได้เป็นอย่างดี การที่ สสส.เดินทางไกล 12 ปีด้วยการยกระดับกิจกรรมทางกาย จะส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของคนไทยในอนาคตด้วย

น.ส.นิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. (สำนัก 5) เปิดเผยถึงเส้นทางนโยบายเพื่อกระตุ้นสังคมไทยให้กระฉับกระเฉง ว่านโยบายผู้บริหารเป็นเรื่องสำคัญ กว่าจะเริ่มต้นกิจกรรมทางกายได้นั้น เริ่มต้นจากการแข่งขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ เป็นผู้นำในการแข่งขันกีฬาเพื่อสุขภาพให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีคนอยู่บนยอดเพียงไม่กี่คนที่จะได้เข้าไปออกกำลังกายในสนามกีฬา มีวิวัฒนาการในการส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น กระตุ้นให้อยากเป็นนักกีฬาได้เหรียญทองโอลิมปิก การสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย ประสบการณ์ของคนที่ออกกำลังกายแล้วมีสุขภาพดีขึ้น จุดเปลี่ยนสำคัญของการส่งเสริมกิจกรรมทางกายมาจาก ศ. นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม, ดร.วิลาสินี พิพิธกุล ร่วมกันลงนามกฎบัตร Toronto ว่าด้วยการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในไทย Sport ความเป็นเลิศ ให้ความสำคัญในการเข้าถึงโอกาสได้ทุกคน การลดพฤติกรรมเนือยนิ่งที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ด้วย 2 เพิ่ม 1 ลด มีกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น การจัดงาน Thai Health Day  Run วิ่งที่มีความหมายมากกว่างานวิ่ง มีนักวิ่งหน้าเก่า หน้าใหม่เพิ่มขึ้น การวิ่งเป็นครอบครัว วิ่งเดี่ยว เพื่อให้งานวิ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ลดเค็ม ลดโรค" เปลี่ยนพฤติกรรม ลดเสี่ยงโรค NCDs

"เค็มน้อย ก็อร่อยได้" วลีสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยพลังในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทย ให้หันมาลดการบริโภคโซเดียม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

สสส. จัดใหญ่ ใส่สุด สานพลัง สื่อโทรทัศน์คับคั่ง พัฒนา 7 รายการน้ำดี ผลิตคอนเทนต์สร้างสุข ร่วมสื่อสารสร้างความเข้าใจ-เข้าถึง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.พ. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ คอนเทนต์สร้างสุข ว่า สสส. มุ่งสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ

ภาคประชาสังคมผนึกกำลังกู้วิกฤตโลกร้อน ชี้กลุ่มเปราะบางเสี่ยงรับผลกระทบมากสุด

ในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2567 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และภาคีเครือข่าย

PMAC 2025: สสส. ผนึกกำลัง ภาคีเครือข่าย ยกระดับสุขภาวะทางปัญญา รับมือวิกฤตโลก ภัยเงียบจากความเหงา-โดดเดี่ยว เทียบเท่าสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน ดื่มเหล้า 6 แก้ว

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา ภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์สุขภาวะทางปัญญา ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และ 7 องค์กร คือ

วุุฒิสภา สานพลัง สสส.-ภาคี 15 องค์กร จัดงาน “Sang Sook - Happiness is All Around Festival” หนุนองค์ความรู้ สว.-ข้าราชการ-ลูกจ้าง ใช้วางแผนดูแลสุขภาพกาย-ใจ หลังพบ ปี 67 บุคลากรเสี่ยงป่วยโรค NCDs พุ่ง 64.98%

ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สานพลัง สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และภาคีเครือข่าย 15 องค์กร จัดงาน “Sang Sook - Happiness is All Around Festival” ภายใต้โครงการรัฐสภาร่วมใจรวมพลังสร้างสุข : การเสริมสร้างศักยภาพเพื่อมุ่งสู่การเป็นรัฐสภาองค์กรแห่งความสุข เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรวุฒิสภา มีองค์ความรู้

ผกก.ดัง 'หวอ วรวิทย์' ร่วมเปิดมุมมอง ตั้งคำถามเกี่ยวกับ 'สิทธิการตายดี'

ช่องวัน31 ร่วมกับ Peaceful Death, สสส. และ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร จัดงานสัมมนา “การุณยฆาตกับการสร้างเสริมสุขภาวะ ในระยะสุดท้ายของชีวิต” จากวรรณกรรม สู่ซีรีส์ "การุณยฆาต" Spare Me Your Mercy