
การปล่อยเช่าคอนโดให้ปังและประสบความสำเร็จนั้น ต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การปล่อย คอนโดให้เช่า ไม่ใช่แค่มีห้องแล้วรอผู้เช่า แต่ต้องมีการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้การ ลงทุนคอนโด ของคุณ คุ้มค่าและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ต่อไปนี้ 9asset.com จะขอมาแนะนำเคล็ดลับดีๆ ในการปล่อยเช่าคอนโด ที่คุณต้องรู้ก่อนลงทุนปล่อยเช่าคอนโด
ปล่อยเช่าคอนโดให้ปัง ไม่ใช่แค่มีห้องแล้วรอผู้เช่า!
เลือกทำเลให้ดี กำไรมาแน่นอน
การเลือกทำเลที่เหมาะสมไม่ใช่แค่พิจารณาเรื่องการคมนาคมหรือความใกล้แหล่งงานเท่านั้น คุณควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สภาพแวดล้อมโดยรอบ, ความปลอดภัย, ความสะดวกในการเข้าถึงร้านค้าและบริการต่างๆ, รวมถึงแนวโน้มการพัฒนาของพื้นที่ในอนาคต เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า, ห้างสรรพสินค้า, หรือสถานที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะมีผลต่อมูลค่าของคอนโดและศักยภาพในการปล่อยเช่าในระยะยาว
คำนวณต้นทุนและกำไรให้แม่น
การคำนวณต้นทุนและกำไรในการปล่อยเช่าคอนโดเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้คุณประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาดังนี้
- การคำนวณต้นทุน
ต้นทุนในการปล่อยเช่าคอนโดสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้
ต้นทุนเริ่มต้น:
- ราคาซื้อคอนโด: เป็นค่าใช้จ่ายหลักในการลงทุน
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการซื้อ: เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน, ค่าจดจำนอง, ค่าประเมินราคา, ฯลฯ
- ค่าตกแต่งและปรับปรุง: หากคอนโดของคุณต้องการการปรับปรุงหรือตกแต่งเพิ่มเติม เพื่อให้พร้อมสำหรับการปล่อยเช่า
- ค่าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า: หากคุณต้องการจัดเตรียมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับผู้เช่า
ต้นทุนดำเนินการ:
- ค่าส่วนกลาง: เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปี สำหรับการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกของคอนโด
- ค่าภาษี: เช่น ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
- ค่าประกัน: เช่น ประกันอัคคีภัย, ประกันความเสียหาย
- ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา: เป็นค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคอนโดของคุณมีการชำรุด หรือต้องการการบำรุงรักษา
- ค่าการตลาดและหาผู้เช่า: เช่น ค่าโฆษณา, ค่าบริการของตัวแทนนายหน้า
- ค่าจัดการ: หากคุณมอบหมายให้บริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ดูแลการปล่อยเช่าคอนโดของคุณ
ต้นทุนทางการเงิน:
- ดอกเบี้ยเงินกู้: หากคุณกู้เงินเพื่อซื้อคอนโด คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญ
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้: เช่น ค่าธรรมเนียมการขอสินเชื่อ, ค่าธรรมเนียมการไถ่ถอนก่อนกำหนด
- การคำนวณรายได้
รายได้จากการปล่อยเช่าคอนโดส่วนใหญ่มาจากค่าเช่าที่ผู้เช่าจ่าย ซึ่งอาจมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าประกัน, ค่าบริการ, หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตกลงกับผู้เช่า
- การคำนวณกำไร
กำไรจากการปล่อยเช่าคอนโดสามารถคำนวณได้โดยการนำรายได้ทั้งหมด หักลบด้วยต้นทุนทั้งหมด
- การวิเคราะห์ผลตอบแทน
เพื่อให้การประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนมีความแม่นยำยิ่งขึ้น คุณควรวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนในหลายๆ ด้าน เช่น
- อัตราผลตอบแทนจากการเช่าเบื้องต้น (Gross Rental Yield): คำนวณจากรายได้ค่าเช่าต่อปี หารด้วยราคา ซื้อคอนโด
- อัตราผลตอบแทนจากการเช่าสุทธิ (Net Rental Yield): คำนวณจากรายได้ค่าเช่าสุทธิ (หลังจากหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด) หารด้วยราคาซื้อคอนโด
- อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return - IRR): เป็นอัตราผลตอบแทนที่คำนึงถึงกระแสเงินสดเข้าและออกจากโครงการลงทุนตลอดระยะเวลาการลงทุน
- มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value - NPV): เป็นมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิทั้งหมดที่ได้รับจากโครงการลงทุน
การตกแต่งและรีโนเวท เพิ่มมูลค่าให้ห้องเช่า
การตกแต่งและรีโนเวทห้องเช่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด เพราะสามารถเพิ่มมูลค่าและดึงดูดผู้เช่าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ห้องเช่าของคุณโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งอีกด้วย ต่อไปนี้เป็นแนวทางการตกแต่งและรีโนเวทห้องเช่าเพื่อเพิ่มมูลค่า
- เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ดึงดูดผู้เช่า
- Minimal Design vs. Fully Furnished แบบไหนดีกว่ากัน?
- เทรนด์ Smart Home และการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก
กลยุทธ์การตลาด ปล่อยเช่าให้ไวในราคาดี

การตกแต่งและรีโนเวทห้องเช่าเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด เพราะสามารถเพิ่มมูลค่าและดึงดูดผู้เช่าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ห้องเช่าของคุณโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งอีกด้วย ต่อไปนี้เป็นแนวทางการตกแต่งและรีโนเวทห้องเช่าเพื่อเพิ่มมูลค่า
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณ
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการตลาดและการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย: ทำความเข้าใจว่าผู้เช่าส่วนใหญ่ของคุณคือใคร เช่น นักศึกษา คนทำงาน หรือครอบครัว เพื่อออกแบบห้องให้ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขา
- ตั้งงบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่ชัดเจนสำหรับการตกแต่งและรีโนเวท เพื่อให้คุณสามารถวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ปรับปรุงห้องให้สวยงามและน่าอยู่
การปรับปรุงห้องให้สวยงามและน่าอยู่เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหรือการปรับปรุงครั้งใหญ่ ก็สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าอยู่ให้กับห้องของคุณได้
- ทาสีใหม่: การทาสีใหม่เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการปรับปรุงห้องให้ดูสดใสและน่าอยู่ขึ้น เลือกใช้สีที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งและทำให้ห้องดูกว้างขึ้น
- เปลี่ยนพื้น: หากพื้นห้องเก่าและชำรุด การเปลี่ยนพื้นเป็นวัสดุใหม่ เช่น กระเบื้องยาง หรือลามิเนต จะช่วยให้ห้องดูทันสมัยและน่าสนใจยิ่งขึ้น
- ติดตั้งไฟส่องสว่าง: เพิ่มความสว่างให้กับห้องด้วยการติดตั้งไฟส่องสว่างที่เหมาะสม เช่น ไฟเพดาน ไฟดาวน์ไลท์ หรือโคมไฟตั้งโต๊ะ เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าสบาย
3. เลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เหมาะสม
การเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่สวยงาม น่าอยู่ และตอบโจทย์การใช้งานของห้องเช่าของคุณ การตกแต่งห้องเช่าให้สวยงาม น่าอยู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าและดึงดูดผู้เช่าได้มากขึ้น ต่อไปนี้เป็นแนวทางการเลือกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เหมาะสมสำหรับห้องเช่า
- เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้หลากหลาย: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและประหยัดพื้นที่ เช่น เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของ โซฟาเบด หรือโต๊ะพับได้
- ของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์: เลือกของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์การตกแต่งห้อง เช่น ภาพวาด โปสเตอร์ หรือต้นไม้ขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้อง
- สิ่งอำนวยความสะดวก: จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับผู้เช่า เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น หรือตู้เย็น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่า
4. ปรับปรุงห้องน้ำและห้องครัว
การปรับปรุงห้องน้ำและห้องครัวเป็นการเพิ่มมูลค่าและสร้างความน่าสนใจให้กับห้องเช่าของคุณได้อย่างมาก เพราะห้องน้ำและห้องครัวเป็นพื้นที่สำคัญที่ผู้เช่าให้ความสำคัญเป็นพิเศษ การปรับปรุงห้องน้ำและห้องครัวให้สวยงามและใช้งานได้ดี จะช่วยดึงดูดผู้เช่าและทำให้ห้องเช่าของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง
- ห้องน้ำสะอาดและทันสมัย: ทำความสะอาดและปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาดและทันสมัย อาจเปลี่ยนสุขภัณฑ์ใหม่ หรือปูกระเบื้องใหม่
- ห้องครัวที่ใช้งานได้ดี: ตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ในห้องครัวให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี อาจติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวใหม่ หรือเพิ่มพื้นที่เก็บของ
5. สร้างความแตกต่างและจุดเด่น
การสร้างความแตกต่างและจุดเด่นให้กับห้องเช่าของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยดึงดูดผู้เช่าและทำให้ห้องเช่าของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง การสร้างความแตกต่างและจุดเด่นสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- ตกแต่งด้วยสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์: สร้างความแตกต่างให้กับห้องเช่าของคุณด้วยการตกแต่งในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น สไตล์มินิมอล สไตล์ลอฟท์ หรือสไตล์วินเทจ
- เพิ่มจุดเด่นให้กับห้อง: หาจุดเด่นให้กับห้อง เช่น ผนังที่ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายสวย หรือมุมพักผ่อนที่ตกแต่งอย่างน่าสนใจ
คัดกรองผู้เช่าให้ดี ลดปัญหาปวดหัวระยะยาว
การคัดกรองผู้เช่าที่ดีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาปวดหัวในระยะยาว และทำให้การปล่อยเช่าคอนโดของคุณราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้เป็นวิธีการคัดกรองผู้เช่าที่ดีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้
1. กำหนดคุณสมบัติของผู้เช่าที่ต้องการ
การกำหนดคุณสมบัติของผู้เช่าที่ต้องการเป็นขั้นตอนสำคัญในการคัดกรองผู้เช่าที่ดีและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การมีเกณฑ์ที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสามารถประเมินผู้เช่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและเลือกผู้เช่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับห้องเช่าของคุณ
- ระบุคุณสมบัติทั่วไป: กำหนดคุณสมบัติทั่วไปของผู้เช่าที่คุณต้องการ เช่น อาชีพ อายุ หรือจำนวนสมาชิกในครอบครัว
- พิจารณาความเหมาะสมกับคอนโด: พิจารณาว่าผู้เช่าที่มาติดต่อมีความเหมาะสมกับคอนโดของคุณหรือไม่ เช่น หากคอนโดของคุณมีขนาดเล็ก อาจไม่เหมาะกับครอบครัวใหญ่ หรือหากคอนโดของคุณมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เน้นความเงียบสงบ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบจัดงานเลี้ยง
2. สอบถามข้อมูลและขอเอกสาร
หลังจากที่คุณได้กำหนดคุณสมบัติของผู้เช่าที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสอบถามข้อมูลและขอเอกสารจากผู้เช่า เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณาและประเมินความเหมาะสมของผู้เช่า
- สอบถามข้อมูลส่วนตัว: สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เช่า เช่น ชื่อ-นามสกุล อาชีพ ที่ทำงาน และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
- ขอเอกสารประกอบการพิจารณา: ขอเอกสารประกอบการพิจารณา เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารแสดงรายได้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลและความน่าเชื่อถือของผู้เช่า
3. ตรวจสอบข้อมูลและอ้างอิง
หลังจากที่คุณได้สอบถามข้อมูลและขอเอกสารจากผู้เช่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบข้อมูลและอ้างอิง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ผู้เช่าให้ไว้เป็นความจริงและน่าเชื่อถือ
- ตรวจสอบข้อมูลที่ให้ไว้: ตรวจสอบข้อมูลที่ผู้เช่าให้ไว้กับเอกสารประกอบการพิจารณาว่าตรงกันหรือไม่
- ขอข้อมูลอ้างอิง: ขอข้อมูลอ้างอิงจากผู้เช่าเก่า หรือบุคคลที่ผู้เช่าอ้างอิงถึง เพื่อสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมและความน่าเชื่อถือของผู้เช่า
4. สังเกตพฤติกรรมและการพูดคุย
การสังเกตพฤติกรรมและการพูดคุยเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินผู้เช่าเบื้องต้น แม้จะไม่สามารถตัดสินได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาผู้เช่าได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น โดยมีวิธีการดังนี้
- สังเกตพฤติกรรม: สังเกตพฤติกรรมและการพูดคุยของผู้เช่าขณะที่มาดูห้อง เช่น การแต่งกาย การพูดจา หรือการแสดงออก
- พูดคุยสอบถาม: พูดคุยสอบถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องการเช่าห้อง นิสัยส่วนตัว หรือแผนการอยู่อาศัยในอนาคต เพื่อทำความเข้าใจและประเมินความเหมาะสมของผู้เช่า
5. ทำสัญญาเช่าที่เป็นธรรมและชัดเจน
การทำสัญญาเช่าที่เป็นธรรมและชัดเจนเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจให้เช่าห้องพัก เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งกับผู้เช่าและผู้ให้เช่า การมีสัญญาเช่าที่เป็นธรรมและชัดเจนจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง และลดความเสี่ยงในการเกิดข้อพิพาท
- ทำสัญญาเช่าที่เป็นธรรม: ทำสัญญาเช่าที่เป็นธรรมและชัดเจน ทั้งต่อผู้ให้เช่าและผู้เช่า โดยระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น ระยะเวลาการเช่า ค่าเช่า เงื่อนไขการชำระเงิน และข้อตกลงอื่นๆ
- อ่านสัญญาเช่าอย่างละเอียด: อ่านสัญญาเช่าอย่างละเอียดก่อนลงนาม เพื่อทำความเข้าใจในข้อตกลงและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ภาษีและกฎหมายที่เจ้าของห้องเช่าต้องรู้
การเป็นเจ้าของห้องเช่ามีเรื่องภาษีและกฎหมายที่ต้องทราบ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่น ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.ภาษีที่เกี่ยวข้อง
ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าห้องพักนั้นมีหลายประเภท ซึ่งเจ้าของห้องเช่าควรศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ดังนี้
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: รายได้จากการให้เช่าห้องพักถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 40(5) ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ คือ
- หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา: หักค่าใช้จ่าย 30% ของรายได้
- หักค่าใช้จ่ายตามจริง: หักค่าใช้จ่ายตามจริงที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าเฟอร์นิเจอร์ (ต้องมีหลักฐานเอกสารครบถ้วน)
- ภาษีโรงเรือนและที่ดิน: เป็นภาษีที่จัดเก็บเป็นรายปีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยห้องเช่าจะถูกจัดอยู่ในประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันไปตามมูลค่าของทรัพย์สิน
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): โดยปกติแล้วรายได้จากการให้เช่าห้องพักจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่หากมีการให้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การให้บริการเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อาจต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7%
2. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าห้องพักในประเทศไทยมีความซับซ้อนและมีหลายประเด็นที่ผู้ให้เช่าควรทราบ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้องและราบรื่น ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหา และสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์: เป็นกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการเช่าทรัพย์สิน ซึ่งกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าและผู้เช่า เช่น
- สัญญาเช่า: ควรทำสัญญาเช่าที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อความชัดเจนและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยในสัญญาเช่าควรระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น ระยะเวลาการเช่า ค่าเช่า เงินประกัน เงื่อนไขการยกเลิกสัญญา และข้อตกลงอื่นๆ
- การส่งมอบทรัพย์สิน: ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าในสภาพที่พร้อมใช้งาน และผู้เช่ามีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์สินให้อยู่ในสภาพดี
- การชำระค่าเช่า: ผู้เช่ามีหน้าที่ชำระค่าเช่าตามกำหนดเวลาที่ตกลงกัน และผู้ให้เช่ามีสิทธิได้รับค่าเช่าตามสัญญา
- การบอกเลิกสัญญา: ผู้ให้เช่าและผู้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายและสัญญาเช่า
- พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าอาคาร: เป็นกฎหมายที่ควบคุมการเช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการกำหนดค่าเช่า การขึ้นค่าเช่า การบอกเลิกสัญญา และการคุ้มครองสิทธิของผู้เช่า
- กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง: อาจมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย กฎหมายผังเมือง หรือกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งเจ้าของห้องเช่าควรศึกษาและปฏิบัติตาม
3. ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม
นอกเหนือจากเรื่องภาษีและกฎหมายที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมอีกหลายประการที่เจ้าของห้องเช่าควรทราบและนำไปปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทภาพ
- จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย: จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับห้องเช่าอย่างละเอียด เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีและวางแผนการเงิน
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าห้องพัก ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชี กฎหมาย หรืออสังหาริมทรัพย์
วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!
การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- หาผู้เช่าที่เหมาะสม: โฆษณาคอนโดของคุณผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ประกาศเช่าอย่าง 9asset.com เป็นเว็บไซต์ platform marketplace ซื้อขายและให้เช่าคอนโดและอสังหาริมทรัพย์ชนิดอื่นฯที่ตอบโจทย์ผู้เช่าและเจ้าของคอนโด หรือโซเชียลมีเดีย และคัดเลือกผู้เช่าที่มีความน่าเชื่อถือและมีประวัติการเช่าที่ดี
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เช่า โดยให้ความช่วยเหลือและดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้ผู้เช่ารู้สึกประทับใจและอยากเช่าคอนโดของคุณในระยะยาว

การปล่อยเช่าคอนโดให้ปังต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการวางแผนอย่างรอบคอบ หากคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้ได้ คุณก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนปล่อยเช่าคอนโดได้อย่างแน่นอน และที่แน่นอนไปกว่านั้น คือคุณจะต้องคอยศึกษาการตลาดอยู่เสมอ ปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ และสร้างจุดขายให้คอนโดของคุณ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครั้งแรกของวงการอสังหาไทย Subscription Condo " RentNex" Model การอยู่อาศัยคอนโดรูปแบบใหม่จากเสนา เพิ่มโอกาสให้คนมีที่อยู่อาศัย ได้ในทุก Generation โดยตอบโจทย์หลัก กลุ่ม Gen Rent !!
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของทั่วโลก ได้ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีราคาค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมเรื่องน่ารู้ก่อนควักกระเป๋าซื้อคอนโดเพื่อเก็งกำไร
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันคนยังคงอยู่ในช่วงของการ Work from home กันอยู่มาก ดังนั้นกระแสของการซื้อหรือปล่อยให้เช่าคอนโดแน่นอนว่าจะยังไม่จางหายไปจากท้องตลาดง่ายๆ


