"ข้าวเม่าเงินล้าน" ภูมิปัญญาพื้นบ้าน สู่ตลาดโลก

"ข้าวเม่าเงินล้าน"

ในยุคที่อาหารสมัยใหม่เข้ามามีบทบาท แต่ที่ ตำบลหนองโสน อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ กลับมีชุมชนที่พลิกโฉม "ข้าวเม่า" อาหารพื้นบ้านธรรมดา ให้กลายเป็น สินค้าแบรนด์ดัง สร้างรายได้หลักล้านต่อปี พร้อมทั้งยังรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

จากข้าวเปลือกธรรมดา สู่ข้าวเม่าแบรนด์ดัง

การแปรรูปข้าวในระยะเมล็ดน้ำนม ให้กลายเป็น "ข้าวเม่า" 

ชุมชนบ้านบุครามและบ้านโคกว่าน ไม่เพียงแต่ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองอย่าง อีเตี้ยแดง, กข.16 และเล้าแตก แต่ยังต่อยอดด้วยการแปรรูปข้าวในระยะเมล็ดน้ำนม ให้กลายเป็น "ข้าวเม่า" อาหารโบราณที่เคยทำกันเฉพาะในครัวเรือน ทว่าวันนี้กลับกลายเป็นสินค้าขายดีทั้งในและต่างประเทศ

การแปรรูปข้าวในระยะเมล็ดน้ำนม ให้กลายเป็น "ข้าวเม่า" 

แต่เดิม การทำข้าวเม่าเป็นกระบวนการที่ใช้แรงงานมาก ตั้งแต่ แช่ข้าว คั่ว ตำ และร่อนแยกเปลือก ทำให้ได้ปริมาณน้อย แต่เมื่อชุมชนนำ เครื่องตำข้าวไฟฟ้า มาใช้ พร้อมปรับกระบวนการผลิตให้ทันสมัย ทำให้สามารถผลิตข้าวเม่าได้ปริมาณมาก รองรับความต้องการของตลาดที่ขยายตัวขึ้น

เครื่องตำข้าวเม่าไฟฟ้า

รวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มจากข้าวเปลือก

บุญลือ นวลปักษี หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวเม่าเงินล้าน เล่าว่า เดิมทีชาวนาขายข้าวเปลือกได้แค่กิโลกรัมละ 13 บาท ซึ่งแทบไม่คุ้มทุน แต่เมื่อหันมาแปรรูปเป็นข้าวเม่า และต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น ข้าวเม่าซีเรียล, ข้าวเม่าคลุกงา, ข้าวเม่าไรซ์เบอรี่, ข้าวเม่าตู่ และข้าวเม่ากระยาสารท ทำให้รายได้พุ่งสูงขึ้น สมาชิกมีรายได้เฉลี่ย เดือนละ 10,000 - 20,000 บาท และรวมมูลค่าผลิตภัณฑ์ของชุมชนกว่า 1 ล้านบาทต่อปี

ก้าวสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน

ศูนย์บ่มเพาะเศรษฐกิจและทุนชุมชนวิสาหกิจชุมชนข้าวเม่าเงินล้าน

ในปี 2561 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. เข้ามาช่วยออกแบบแผนธุรกิจชุมชน (CBMC) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และในปี 2563 กลุ่มก็ก้าวขึ้นเป็น "ศูนย์บ่มเพาะเศรษฐกิจและทุนชุมชน" เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้สนใจ รวมถึง ผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาส กว่า 40 คนในชุมชน

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคบุรีรัมย์ สนับสนุนอุปกรณ์และความรู้ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ช่วยออกแบบตราสัญลักษณ์และมาตรฐาน  สำนักงานพัฒนาชุมชน ให้คำแนะนำด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์

นวัตกรรมการผลิตข้าวเม่าเงินล้าน

ตลาดออนไลน์ช่วยขยายฐานลูกค้า พร้อมรักษาวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม

กรรมวิธีผลิตแบบดั้งเดิม

แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่ชุมชนยังคงยึดมั่นใน กรรมวิธีผลิตแบบดั้งเดิม เพื่อคงรสชาติเอกลักษณ์ของข้าวเม่า พร้อมทั้งใช้ โซเชียลมีเดีย ผ่านเพจ "ข้าวเม่าใหม่หนองโสน" ในการขยายตลาด ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

เพจ "ข้าวเม่าใหม่หนองโสน"

"ข้าวเม่าเงินล้าน" ของชุมชนบ้านบุครามและบ้านโคกว่าน ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล แต่ยังเป็นตัวอย่างของการ ต่อยอดอาชีพดั้งเดิมด้วยนวัตกรรม โดยไม่ทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม นับเป็นความสำเร็จที่พิสูจน์ว่า "ของดีพื้นบ้าน" ก็สามารถก้าวไกลในยุคดิจิทัลได้อย่างภาคภูมิ

"วิสาหกิจชุมชนข้าวเม่า ภูมิปัญญาพื้นบ้าน สู่ตลาดโลก"

ข้าวเม่าซีเรียล ข้าวเม่าคลุกงา ข้าวเม่าไรซ์เบอรี่ ข้าวเม่าตู่ และข้าวเม่ากระยาสารท

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่

เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี

ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ

ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง

หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"

คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน