เวทีวิพากษ์กฎหมายสวัสดิการฯ ภาคใต้ ชูประชาชนเป็นเจ้าของระบบ สร้างโอกาสยกระดับกองทุนสู่ “นิติบุคคล”

เวทีวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม

ภาคีภาครัฐ ประชาชนและประชาสังคม 130 คน ร่วมเวทีวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม ที่นครศรีธรรมราช เน้นปรับโครงสร้างกฎหมายให้ทันยุค เพิ่มบทบาทองค์กรชุมชนอย่างแท้จริง “พอช.” หนุนสร้างกลไกสวัสดิการระดับพื้นที่ เชื่อมโยงตำบลถึงชาติ “ประชาชนต้องเป็นเจ้าของและกำหนดทิศทางระบบสวัสดิการ”

ผู้เข้าร่วมเวทีวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.ฯภาคใต้

นครศรีธรรมราช/วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ (สกส.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดเวทีวิพากษ์ (ร่าง) พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ภาคใต้ โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ได้แก่ ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน องค์กรสาธารณประโยชน์ เครือข่ายระดับชาติ หน่วยงานรัฐ นักวิชาการ ในพื้นที่รวม 130 คน ณ โรงแรมปุระนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช

นางละอองดาว สีจันทร์แจ้ง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมสวัสดิการสังคม กล่าวว่า กฎหมายฉบับปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์บริบทสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งในด้านความซับซ้อนของกระบวนการกำกับติดตาม และข้อจำกัดขององค์กรสาธารณประโยชน์ การปรับปรุงร่างกฎหมายจึงจำเป็นต้องเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนร่วมให้ข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างระบบสวัสดิการที่มีความยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเสริมบทบาทองค์กรสวัสดิการชุมชนในระดับพื้นที่

นายสุพล บริสุทธิ์ อดีตที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สป.พม. กล่าวถึง ร่างกฎหมายฉบับนี้สานต่อแนวคิดตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่เน้นบทบาทรัฐในการดูแลประชาชนตั้งแต่วัยเด็ก เช่น โครงการนมโรงเรียน พร้อมยกตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านสวัสดิการอย่างเยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่ให้อำนาจเทศบาลท้องถิ่นบริหารจัดการโดยมีกฎหมายรองรับทุกระดับ

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ เพิ่มหมวด 7 ว่าด้วย “องค์กรสวัสดิการชุมชนนิติบุคคล” ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ องค์กรที่ผ่านการจดแจ้งสามารถยื่นจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถยื่นได้ทั้งแบบเอกสารและระบบอิเล็กทรอนิกส์ เปิดโอกาสให้กองทุนมีสถานะทางกฎหมาย นำไปสู่สิทธิประโยชน์ทางภาษีและความชัดเจนในการดำเนินธุรกรรม นายสุพล กล่าวสรุป

นายวิชัย นะสุวรรณโน รองผู้อำนวยการ พอช. กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมพลังชุมชนให้สามารถจัดการตนเองได้ในด้านสวัสดิการ ด้วยการส่งเสริมสถานะนิติบุคคลให้กับองค์กรชุมชน ทำให้ชุมชนสามารถทำธุรกรรมทางการเงิน รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังเพิ่มความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการทรัพยากรด้วยตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

นายวิริยะ แต้มแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ พอช. ย้ำว่า การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้มีที่มาจากการผลักดันของเครือข่ายสวัสดิการชุมชน 5 ภาค ตั้งแต่ปี 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนของหน่วยงานรัฐ และสร้างระบบสวัสดิการที่หลากหลายและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยชุมชนต้องเป็นเจ้าของระบบ พอช.จึงมีบทบาทหนุนเสริม ทั้งเชิงโครงสร้าง กลไก และการพัฒนาบุคลากรในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

นายสิน สื่อสวน ผู้ทรงคุณวุฒิ และที่ปรึกษาเครือข่ายสวัสดิการชุมชน ย้ำถึงเจตนารมณ์สำคัญของการผลักดันกฎหมายฉบับนี้ว่า คือการฟื้นฟูทุนทางสังคม เพื่อรักษาระบบการเกื้อกูลกันในชุมชนให้อยู่คู่กับสังคมไทย พร้อมรำลึกถึงบุคคลสำคัญ เช่น นายชบ ยอดแก้ว และ “น้าแก้ว” ที่ร่วมผลักดันกฎหมายนี้มาโดยตลอด โดยเน้นว่า “การให้อย่างมีคุณค่า และการรับอย่างมีศักดิ์ศรี” ต้องเป็นหัวใจของระบบสวัสดิการที่ออกแบบร่วมกัน

ดร.มณเฑียร สอดเนื่อง คณะอนุกรรมการสวัสดิการชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า การผลักดันให้องค์กรสวัสดิการชุมชนมีสถานะเป็นนิติบุคคล จะช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนอื่นๆ นอกเหนือจากเงินสมทบภาครัฐ เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ระบบสวัสดิการมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ผู้เข้าร่วมเห็นชอบกับการยกระดับกองทุนสู่ “นิติบุคคล”

การแก้ไขกฎหมายและส่งเสริมการพัฒนากองทุนสวัสดิการชุมชนให้เป็นนิติบุคคล จะเป็นกลไกสำคัญในการ ยกระดับการดำเนินงาน ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของประชาชน เวทีครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีเครือข่ายในการออกแบบระบบสวัสดิการที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน และเป็นเครื่องยืนยันว่า การพัฒนาสวัสดิการไทย ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

แบ่งกลุ่มวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่

เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี

ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ

ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง

หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"

คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน