วันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการป้องกันการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับในกลุ่มสินค้า กุ้ง ปลา อ้อย เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าปลายน้ำ (ปลาป่น น้ำมันปลา และอาหารสัตว์) ร่วมกับ 12 หน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี. ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงานนายอารี ไกรนรา
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน
นางสาวบุปผา เรืองสุด รองปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติ ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 เพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิแรงงาน สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศคู่ค้า พร้อมผลักดันการถอดชื่อสินค้าไทยออกจากบัญชีเฝ้าระวังของสหรัฐฯ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การขจัดการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับเป็นภารกิจสำคัญของประเทศ ที่สะท้อนถึงความเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานแรงงานสากล ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเงื่อนไขที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกกลุ่มอย่างแท้จริง การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการแสดงเจตจำนงร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะแสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมในการยกระดับการผลิตที่มีการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างมีจริยธรรม ตลอดห่วงโซ่อุปทาน และเพื่อผลักดันให้สินค้าไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล และนำไปสู่การถอดถอนสินค้าของไทยโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มกุ้ง ปลา อ้อย เครื่องนุ่งห่ม และสินค้าปลายน้ำ ได้แก่ ปลาป่น อาหารสัตว์ และน้ำมันปลา ออกจากรายการบัญชีสินค้าที่เชื่อว่าผลิตโดยแรงงานเด็กหรือแรงงานบังคับ (TVPRA List) และบัญชีสินค้าที่เชื่อว่าผลิตโดยแรงงานเด็ก บังคับหรือแรงงานเด็กขัดหนี้ (EO List) ของสหรัฐฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะนำไปสู่การถอดถอนสินค้าของไทยออกจากบัญชีเฝ้าระวังของสหรัฐอเมริกา และยกระดับสถานะของประเทศไทยในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TIP Report) ไปสู่ระดับ Tier 1 ได้ในอนาคต”
เรือเอก สาโรจน์ คมคาย อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ปี 2567 ระบุว่าสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศไทย เช่น กุ้ง ปลา อ้อย เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงสินค้าปลายน้ำ ได้แก่ ปลาป่น อาหารสัตว์ และน้ำมันปลา ปรากฏอยู่ในบัญชีที่เชื่อว่ามีการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสทางการค้าและภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีสากล การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ จึงเป็นการรวมพลังของหน่วยงานพันธมิตรทั้ง 12 แห่ง ประกอบด้วย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมประมง กรมปศุสัตว์ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นการขยายต่อยอดความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพิ่มเติม จากที่ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 13 หน่วยงานเมื่อปี 2564 นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนาหัวข้อ “ขจัดแรงงานเด็กและแรงงานบังคับ สู่โอกาสทางเศรษฐกิจไทยที่ยั่งยืน” และจัดแสดงนิทรรศการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 คน จากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“พิพัฒน์” เผย ภูมิใจไทยภาคใต้ 59 เขต คนแห่สมัครครบแล้ว ชู “พูดแล้วทำบวก” ให้ประชาชนร่วมเสนอนโยบายที่ในแต่ละพื้นที่ต้องการ คนเด่นทยอยเข้าพรรคสมัคร สส. ต่อเนื่อง "ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ - พีรพร สุวรรณฉวี - กาญจนาพร จิระพันธุ์วาณิช"
18 ธันวาคม 2568 ที่ทําการพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
“พิพัฒน์” เปิดชุดของขวัญปีใหม่คมนาคม 2569 มอบ3 ความสุขใหญ่ H-N-Y ให้คนไทย ครบทั้งอุ่นใจ สะดวก และปลอดภัย ทั่วประเทศ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ “ของขวัญปีใหม่ 2569” จากกระทรวงคมนาคม ภายใต้แนวคิด “H.N.Y
ชงครม.ซื้อคืน‘รถไฟฟ้า’ กฤษฎีกาเทเงินออมหวย
“พิพัฒน์” เตรียมชง ครม. 9 ธ.ค. เคาะหัวเชื้อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า
‘พิพัฒน์‘อัดงบซ่อมถนนน้ำท่วมใต้3,000ล้านบาท
‘พิพัฒน์‘ลงพื้นที่ชายแดนใต้ สั่งทุกหน่วยเร่งสำรวจความเสียหาย ใช้งบคงค้างซ่อมด่วน ก่อนจัดงบกว่า 3,000 ล้านฟื้นฟูซ่อมโครงสร้างพื้นฐานทั้ง‘ถนน-สะพาน-ทางน้ำ’ สั่งเร่งขุดลอกทางน้ำ พร้อมรับมือฝนยาวถึงต้นปีหน้า
‘พิพัฒน์’ ห่วงใยพี่น้องภาคใต้ตอนล่าง สั่งคมนาคมเร่งสำรวจความเสียหาย วางแผนซ่อมถนน เพิ่มประสิทธิภาพทางน้ำ รับมือฝนที่ยังยาวถึงต้นปี
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนฟ้าอากาศในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยระบุว่า พื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นภูมิภาคที่ “เข้าสู่ฤดูฝนช้าที่สุดของประเทศ” และมักมีระยะเวลาฝนตกยาวนานไม่น้อยกว่าสองเดือน แตกต่างจากจังหวัดอื่นที่เข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว
“พิพัฒน์” ลงพื้นที่ปัตตานี ชื่นชมฟื้นตัวเร็ว ยันรัฐบาลเร่งเยียวยา–เตรียมพร้อมมาตราการรับฝนรอบใหม่
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์หลังอุทกภัย โดยการกำชับจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ดูแลพี่น้องที่ประสบภัยทุกครัวเรือนอย่างเต็มที่

