
ในยุคที่ "ยอดไลค์" กลายเป็นมากกว่าความนิยม แต่คือเครื่องมือสะท้อนความน่าเชื่อถือของแบรนด์ Social Signal จึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นไลค์ แชร์ คอมเมนต์ หรือการบันทึกโพสต์ ทั้งหมดล้วนสะท้อนการมีส่วนร่วมของผู้ชมต่อคอนเทนต์ของคุณได้ชัดเจนที่สุด ในปี 2025 แนวโน้มของ Social Signal ไม่ได้หยุดแค่การนับตัวเลข แต่พัฒนาไปสู่การสร้าง “คุณภาพของการมีส่วนร่วม” ที่ลึกและจริงมากขึ้น แบรนด์ที่อยากเป็นผู้นำในตลาดจึงต้องตามให้ทันทุกกลยุทธ์ ตั้งแต่การปรับอัลกอริธึมของแพลตฟอร์ม ไปจนถึงการใช้เครื่องมือ ปั้มไลค์ฟรีอันดับ1 อย่างมีชั้นเชิง เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือโดยไม่ดูน่ารำคาญในสายตาผู้บริโภคยุคใหม่บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าอะไรคือ Social Signal ที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญในปีนี้ พร้อมแนวทางปั้นคอนเทนต์ให้มียอดไลค์ แชร์ คอมเมนต์ แบบไม่ต้องเสียเงินยิงแอดหนัก ๆ และยังติดเทรนด์อย่างมีคุณภาพอีกด้วยค่ะ
ไลค์อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี “การตอบสนองที่แท้จริง”

โพสต์ที่คน “รู้สึก” จะไปได้ไกลกว่าโพสต์ที่แค่ “ได้ไลค์” ในปี 2025 พฤติกรรมของผู้ใช้งานโซเชียลเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ และแพลตฟอร์มเองก็ฉลาดขึ้น การกดไลค์เฉย ๆ ไม่ใช่สัญญาณที่มีน้ำหนักในการจัดอันดับการมองเห็นโพสต์อีกต่อไป เพราะมันง่าย และไม่ได้สะท้อน “ความรู้สึกจริง” ของผู้ชม Social Media ยุค 2025 ไม่ได้วัดผลความสำเร็จของโพสต์จากยอด “ไลค์” อย่างเดียวอีกต่อไปแล้วอัลกอริทึมแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok หรือแม้แต่ YouTube Shorts ต่างหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า “Engagement เชิงคุณภาพ” หรือ Real Engagement Signa lซึ่งหมายถึง การมีส่วนร่วมที่สะท้อนว่า ‘ผู้ชมรู้สึกบางอย่างจริง ๆ’ กับเนื้อหานั้น “การตอบสนองที่แท้จริง” คือ
- การอยู่ดูนาน (Watch Time / Retention Rate) ถ้าคลิปหรือโพสต์ของคุณทำให้คนอยู่จนจบ คือสัญญาณที่ชัดมากว่า “เนื้อหาน่าสนใจจริง”
- การคอมเมนต์ที่มีเนื้อหา (Meaningful Comments) คอมเมนต์ที่คนเขียนด้วยความรู้สึก เช่น "เคยเจอแบบนี้", "โดนมาก", หรือแม้แต่การตั้งคำถามกลับ สร้างคะแนนสูงกว่า อีโมจิแปะเฉย ๆ
- การแชร์แบบบอกต่อ (Shared with caption) ไม่ใช่แค่กดแชร์ไปที่สตอรี่ แต่แชร์พร้อมแคปชัน หรือส่งให้เพื่อนในแชต พร้อมพูดถึง ถือเป็น signal ที่แสดงว่า content สร้างการพูดถึงจริง
- การเซฟ (Save) การเซฟโพสต์เก็บไว้ดูภายหลัง เป็นการบ่งบอกว่า “เนื้อหานี้มีคุณค่าจริง” ซึ่งอัลกอริทึมจัดอันดับให้คะแนนสูง
- การตอบกลับใน Story หรือ DM ถ้ามีคนตอบกลับ story หรือทัก DM มาจากเนื้อหานั้น = engagement ที่แสดงความสนใจระดับลึก
เวลาในการรับชม (Watch Time) คือสัญญาณอันดับหนึ่ง
ในยุคโซเชียลมีเดียที่การแข่งขันสูงและคอนเทนต์หลากหลายอย่างปี 2025 นี้ “เวลาในการรับชม” หรือ Watch Time กลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญอันดับหนึ่งที่ช่วยกำหนดความสำเร็จของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น YouTube, Facebook, Instagram, TikTok หรือแม้แต่แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอื่น ๆ ทำไม Watch Time ถึงสำคัญ Watch Time คือระยะเวลาที่ผู้ชมใช้ดูวิดีโอหรือคอนเทนต์ของเรา ยิ่งผู้ชมใช้เวลาดูเนื้อหานานเท่าไหร่ แพลตฟอร์มก็ยิ่งตีความว่าเนื้อหานั้นมีคุณภาพและน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้ระบบอัลกอริทึมเพิ่มการมองเห็นและการแสดงผลของคอนเทนต์นั้นต่อกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าคนดูแค่ไม่กี่วินาทีแล้วเลื่อนผ่าน อัลกอริทึมจะมองว่าเนื้อหาไม่ค่อยน่าสนใจ จึงลดการแสดงผลลงทันทีส่วน วิธีเพิ่ม Watch Time ให้คอนเทนต์ของคุณ คือ เริ่มต้นด้วยฉากที่ดึงดูดใจ,เริ่มต้นด้วยฉากที่ดึงดูดใจ,ทำความยาวคอนเทนต์ให้เหมาะสม,ใช้คำกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ดูคลิปอื่น ๆ ต่อเนื่อง Watch Time คือ “สัญญาณอันดับหนึ่ง” ที่บ่งบอกถึงความน่าสนใจและคุณภาพของคอนเทนต์ในปี 2025 แพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ ให้คะแนนและจัดอันดับคอนเทนต์บนพื้นฐานของเวลาที่ผู้ชมใช้ดูจริง ๆ มากกว่าการวัดแค่ยอดไลค์หรือแชร์ เพราะฉะนั้น แบรนด์และครีเอเตอร์ที่อยากประสบความสำเร็จ ต้องใส่ใจทำคอนเทนต์ที่ทำให้คนอยากอยู่ดูจนจบและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
UGC และ Social Mention สำคัญกว่าโพสต์จากเพจ

ในยุคที่แบรนด์ต่างแข่งขันกันสร้างคอนเทนต์ทุกวัน ผู้บริโภคกลับให้ความสำคัญกับเสียงของ “คนธรรมดา” มากกว่าโพสต์จากเพจของแบรนด์เอง นี่คือเหตุผลที่ UGC (User-Generated Content) และ Social Mention กลายเป็น พลังเงียบที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ บนโลกโซเชียลในปี 2025 ความหมายของ UGC และ Social Mention UGC (User-Generated Content) คือคอนเทนต์ที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ผลิตขึ้นเอง เช่น รูปรีวิว วิดีโอสั้น แกะกล่อง แชร์ประสบการณ์ ใช้สินค้า ฯลฯ โดยไม่ต้องจ้าง ส่วน Social Mention คือการที่ชื่อแบรนด์ถูกพูดถึงในโพสต์ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แม้ไม่ได้แท็กหรือ mention อย่างเป็นทางการ เช่น ลองใช้เซรั่มตัวนี้ตามเพื่อนแล้วเวิร์กจริง ตัวอย่างการใช้พลัง UGC + Social Mention แบรนด์อาหารเสริม ใช้คลิปจากลูกค้าจริงที่อัดรีวิวสั้น ๆ แล้วแชร์ลง Storyได้ผลลัพธ์ engagement สูงกว่าคลิปโปรโมทที่ลงทุนถ่ายอย่างดี,คาเฟ่หรือร้านอาหารแค่มีคนแท็กโลเคชันแล้วเขียน caption ว่า “กลับมากินรอบที่ 3 แล้ว”ก็ได้การรับรู้แบรนด์มากกว่าการยิงแอดหรือ แบรนด์แฟชั่นเล็กๆ รีโพสต์วิดีโอแกะกล่องจากลูกค้าทำให้เกิดความรู้สึกว่า “เสื้อร้านนี้คนซื้อจริง ส่งจริง ใส่แล้วสวยจริง”จนทำให้ยอดออร์แกนิกโตเกินคาดค่ะ
Social Signal เริ่มถูกใช้เป็น “ตัวชี้วัด SEO”

ในอดีต SEO (Search Engine Optimization) คือโลกของการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ Google เข้าใจ เช่น การใส่คีย์เวิร์ด ลิงก์ภายใน หรือความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ แต่ในปี 2025 “Social Signal” หรือสัญญาณจากโซเชียลมีเดียกำลังกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยใหม่ที่ Google และ Search Engine อื่น ๆ นำมาใช้พิจารณาในการจัดอันดับเว็บไซต์ พูดง่าย ๆ คือยอดไลค์ แชร์ คอมเมนต์ และการพูดถึงบนโซเชียลเริ่มส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรงมากกว่าที่เคยเป็น Social Signal คือ สัญญาณพฤติกรรมของผู้ใช้งานต่อคอนเทนต์” บนโซเชียลมีเดีย เช่น จำนวนการแชร์ลิงก์ไปยังบทความ เว็บไซต์,ยอดไลค์ คอมเมนต์ หรือการกดบันทึกโพสต์ที่มีลิงก์แนบ,การพูดถึงชื่อแบรนด์หรือเว็บไซต์ในโพสต์หรือแคปชันและความถี่ที่ผู้คนคลิกเข้าเว็บไซต์จากแพลตฟอร์มโซเชียล และวิธีใช้ Social Signal เสริม SEO แบบธรรมชาติ คือ แนบลิงก์เว็บไซต์ในคอนเทนต์โซเชียลอย่างชาญฉลาด อย่าแค่โพสต์ลิงก์อย่างเดียว แต่เล่าเรื่องประกอบให้ชวนคลิก,มีกระตุ้นให้เกิดการพูดถึงชื่อแบรนด์หรือบทความ ปิดท้ายโพสต์ด้วยประโยคชวนคอมเมนต์ เช่น “เคยเจอแบบนี้ไหม? แชร์ประสบการณ์หน่อย” และ ใช้ Influencer หรือ Micro-creator สร้าง UGC ที่แนบลิงก์เว็บ แทนที่จะยิงแอดลิงก์ตรง ๆ ให้คนอื่นรีวิวแล้วแนบลิงก์เว็บไซต์ในคอมเมนต์หรือโพสต์แทน ปี 2025 คือยุคที่ SEO กับ Social Media ไม่ใช่โลกแยกกันอีกต่อไปแต่ “การทำคอนเทนต์ที่คนแชร์” และ “คนพูดถึง” บนโซเชียล คือทางลัดที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google ได้อย่างยั่งยืน
ปี 2025 คือปีที่แบรนด์ต้องมองลึกกว่า “ยอดไลค์” เพราะ Social Signal ไม่ใช่แค่ตัววัดกระแส แต่เป็น ตัวชี้วัด ความสัมพันธ์กับผู้ชม,ตัวกระตุ้น อันดับ SEO,และตัวขับเคลื่อน ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในโลกออนไลน์ค่ะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือก ‘ภูมิใจไทย’ ได้ ‘สีหศักดิ์’ สานงานต่างประเทศ! ‘ยุทธพร’ วิเคราะห์เกมเลือกตั้ง ชี้พรรคน้ำเงินเปิดทางคนเก่งไปต่อ โอกาสคัมแบ็กสูง
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นกรณีการปรากฏตัวของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่พรรคภูมิใจไทยว่า มีความเป็นไปได้หลายแนวทางทางการเมือง ทั้งการเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือการเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
BEM ได้รับประเมิน 'หุ้นยั่งยืน' ปี 2568 ที่ระดับ 'AAA'
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT ได้รับการประเมิน “หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ประจำปี 2568 ที่ระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดอันดับรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในกลุ่มบริการ (Services) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตมั่นคงอย่างต่อเนื่อง
DP Survey จับมือ Tru Automotive ลงนาม MOU ยกระดับระบบจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ เสริมประสิทธิภาพงานสินไหมและเครือข่ายอู่ซ่อมทั่วประเทศ
บริษัท ดี พี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด (DP Survey) ในเครือบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจและประเมินอุบัติเหตุ การบริหารจัดการงานสินไหมทดแทน และการตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท ทรู ออโตโมทีฟ จำกัด (Tru Automotive) ผู้นำด้านการตลาดและจัดจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ครบวงจรระดับภูมิภาค เพื่อร่วมกันยกระดับระบบการจัดหาและจัดจำหน่ายอะไหล่มาตรฐานสำหรับงานซ่อมรถยนต์ในอุตสาหกรรมประกันภัยไทย
เรื่องราวทีมงานด่านหน้าของทรู ที่ทุ่มเททำงานด้วยหัวใจ เพื่อให้ทุกสัญญาณเชื่อมต่อกันในวิกฤตอุทกภัยภาคใต้
วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนและชีวิตผู้คน แต่ยังตัดขาดการสื่อสารในหลายพื้นที่ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยังมีทีมงานด่านหน้าของทรูที่ทุ่มเททำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ไม่เพียงดูแลเครือข่าย แต่ยังทำให้ทุกสัญญาณยังสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกันได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถติดต่อ รับข่าวสาร และส่งความห่วงใยถึงกันได้ในช่วงเวลาที่มีความหมายที่สุด
จุฬาฯ จับมือ Founder Institute สหรัฐฯ เปิดตัวโครงการ 'Go Global Startup Bootcamp: Chula - DC Silicon Startup Bridge' ปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) เดินหน้ายกระดับศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทย เปิดโครงการ “ติดอาวุธเสริมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมสู่สากล (Go Global Startup Bootcamp): Chula – DC Silicon Startup Bridge” ร่วมกับ Founder Institute (FI) ประเทศสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นเครือข่ายนักลงทุน การบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการบริษัทสตาร์ทอัพของไทย ในการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาธุรกิจในระดับสากล ทั้งในด้านองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การระดมทุน ตลอดจนการก้าวเข้าสู่เครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก
กรมทะเล ส่งมอบอวนประมงกว่า 2,900 กก. สนับสนุนภารกิจความมั่นคงชายแดน
วันที่ 18 ธันวาคม 2568 ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

