รามาฯ จับมือ GSK และพันธมิตร ปั้นโมเดลสุขภาพเน้นคุณค่า สู้โรคหืด-ปอดอุดกั้นฯ ตั้งเป้าลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มคุณภาพชีวิตคนไทย

การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และภาวะวิกฤตทางการเงินของครอบครัวของผู้ป่วยจากค่าใช้จ่ายที่สูงในการรักษา ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบายเพื่อสร้างระบบการบริบาลสุขภาพแบบครบวงจรสำหรับโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่มีประสิทธิผล โดยใช้ต้นทุนที่เหมาะสมและยั่งยืนภายใต้บริบทของระบบสุขภาพไทย
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.), คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ด้านโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (Easy Asthma and COPD Clinic Network หรือ EACC) ประกาศความร่วมมือลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) เดินหน้าโครงการ “Value-Based Healthcare (VBHC) Policy Community” เพื่อขับเคลื่อนการสร้างระบบบริบาลสุขภาพแบบเน้นคุณค่าสำหรับผู้ป่วยโรคหืด (Asthma) และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยพิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี โดยมี ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และนางมาเรีย คริสติช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ลงนาม

ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงเจตนารมณ์ของโครงการว่า คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างคุณภาพในการรักษาโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) นี้ จึงได้ร่วมมือกับ GSK ในฐานะภาคเอกชนด้านชีวเภสัช โดยเฉพาะเวชภัณฑ์สุขภาพด้านระบบทางเดินหายใจ พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ร่วมกันพัฒนา ในการพัฒนาและดำเนินงานโครงการ “Value-Based Healthcare (VBHC) Policy Community” ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายของระบบสุขภาพในประเทศไทย เพื่อลดภาระของหน่วยบริการ เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพของประเทศไทย
สำหรับกระบวนการดำเนินงาน รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์บวรศม ลีระพันธ์ จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลังว่า ความท้าทายของผู้กำหนดนโยบายยุคนี้คือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็ว โครงการนี้จึงนำแนวคิด ‘ห้องปฏิบัติการนโยบาย (Policy Lab)’ มาประยุกต์ใช้ ซึ่งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงนโยบาย ที่เปิดให้ทุกฝ่าย ทั้งรัฐ เอกชน ประชาสังคม และตัวแทนผู้ป่วย มาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเราจะนำเครื่องมืออย่างกระบวนการคิดเชิงระบบ (System Thinking) เพื่อมองเห็นความเชื่อมโยงของปัญหาทั้งหมด และกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) มาใช้ เพื่อให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการออกแบบนโยบายการจัดระบบบริการสุขภาพอย่างแท้จริง (Value-Based Care Delivery) ด้วยการก้าวข้ามการแก้ปัญหาแบบแยกส่วน ไปสู่การสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ภาระโรคได้อย่างยั่งยืน และเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการจ่ายเงินเพื่อให้ประชาชน ‘เข้าถึงบริการ’ สู่การจ่ายเงินเพื่อให้เกิด ‘ผลลัพธ์สุขภาพที่ดี’ (Value-Based Payment)

นางมาเรีย คริสติช กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และภาคีเครือข่าย ในการพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยยึดผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ที่ GSK เราขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการแพทย์ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างทางเลือกที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ป่วย แม้โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังจะเป็นโรคที่สามารถดูแลและจัดการได้ แต่ผู้ป่วยจำนวนมากยังคงต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และสร้างภาระต่อระบบสาธารณสุข แนวคิด Value-Based Healthcare สำหรับโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังจึงถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพที่เน้นผลลัพธ์ และความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงการดูแลรักษาอย่างยั่งยืน เรามุ่งหวังให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่เหมาะสม ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ และมีความเป็นอยู่ที่ยืนยาวขึ้น”

ขณะเดียวกัน นพ. กฤช ลี่ทองอิน ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาการออกแบบระบบกลไกการจ่ายแบบเน้นคุณค่า สำหรับโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรัง สปสช. ได้ให้รายละเอียดในมิติการเงินการคลังสุขภาพว่า “สปสช. กำลังปฏิรูประบบการจ่ายค่าบริการครั้งสำคัญ โดยนำแนวคิดการจ่ายแบบเน้นคุณค่า (Value-Based Payment) มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปลี่ยนจากการจ่ายตามปริมาณบริการมาสู่การจ่ายที่ผูกกับผลลัพธ์สุขภาพที่ดีขึ้นของผู้ป่วยอย่างแท้จริง ที่เห็นได้ชัดคือประกาศล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ สปสช. กำหนดหลักเกณฑ์จ่ายค่าบริการเพิ่มเติม ‘ตามผลลัพธ์’ สำหรับการควบคุมความรุนแรงของโรคหืดและ COPD ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังหน่วยบริการให้มุ่งเน้นคุณภาพ ทั้งการคัดกรอง การเข้าถึงคลินิกคุณภาพ และการลดอาการกำเริบ โครงการความร่วมมือนี้จึงเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี (2568-2570) ที่จะช่วยให้เรามีข้อมูลเชิงลึกสำหรับวัดและประเมินผลลัพธ์ของระบบการดูแลแบบใหม่นี้ได้อย่างเฉียบคมยิ่งขึ้น

ด้าน นายแพทย์รักษ์พงศ์ เวียงเจริญ ประธานร่วมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ด้านโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง กล่าวว่า คณะกรรมการ Service Plan กระทรวงสาธารณสุขมีภารกิจสำคัญในการพัฒนาคลินิกคุณภาพสำหรับโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เน้นผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้ป่วยควบคู่กับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคลินิกคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด Value-Based Healthcare ซึ่งความร่วมมือระหว่างรามาธิบดีกับ GSK ในการพัฒนา VBHC Policy Community นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการออกแบบและขยายคลินิกคุณภาพสู่หน่วยบริการในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการดูแลที่มีประสิทธิภาพ ลดการกำเริบ และสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพคุณภาพในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ขณะที่ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วัชรา บุญสวัสดิ์ ประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (EACC) กล่าวด้วยความเชื่อมั่นว่า ในฐานะผู้ปฏิบัติงานที่คลุกคลีกับผู้ป่วยมาตลอด ผมมองว่านี่คือก้าวกระโดดของระบบบริการสุขภาพไทย เพื่อทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ‘Admission near 0’ หรือการลดอัตราการนอนโรงพยาบาลจากอาการกำเริบให้ใกล้เคียงศูนย์ที่สุด เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และจับต้องได้ หากเราสามารถสร้างระบบที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาตามแนวทางมาตรฐาน เข้าถึงยาที่ถูกต้อง และมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองเพื่อป้องกันสาเหตุของอาการกำเริบ ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่าสามารถลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ เครือข่าย EACC ทั่วประเทศพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนี้อย่างเต็มกำลัง เพื่อผลักดันให้แนวทางการดำเนินงานในการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบเน้นคุณค่า ให้กลายเป็นกลไกสำคัญเติมเต็มระบบบริการสุขภาพของไทยให้เข้มแข็ง

ความร่วมมือระหว่างรามาธิบดี GSK และภาคีเครือข่ายครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับระบบสุขภาพไทย ผ่านการพัฒนาโมเดลการดูแลผู้ป่วยโรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เน้นคุณค่า ผลลัพธ์และความยั่งยืน เพื่อให้ผู้ป่วยทั่วประเทศสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและลดภาระต่อระบบสุขภาพในระยะยาว อันจะเป็นการวางรากฐานระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและยั่งยืนเพื่อคนไทยทุกคน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"รามาฯ จับมือเซนต์หลุยส์ ผนึกความร่วมมือทางการแพทย์–วิชาการ ยกระดับระบบสุขภาพไทยสู่ Medical Hub พร้อมมิติ Spiritual Healthcare"

กรุงเทพฯ, วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ได้ประกาศความร่วมมือในรูปแบบ Public-Private Partnership