
กยท. เดินหน้าสร้างเสถียรภาพยางพารา มั่นใจการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐไม่ส่งผลกระทบ เร่งเพิ่มการใช้ยางภาครัฐ จับมือหน่วยงานราชการใช้ยาง Greenergy Tyre พร้อมเตรียมลงนาม MOU กับกรมชลประทาน ดันใช้ท่อยางพาราขนาดใหญ่ในการบริหารจัดการน้ำแทนคลองส่งน้ำ คาดในช่วงสิ้นปีนี้ - ต้นปี 2559 มีโอกาสูงที่ราคายางจะพุ่งแตะ 3 หลัก
ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึงกระทบจากการปรับอัตราภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariff) สู่สหรัฐอเมริกาจากประเทศไทยในอัตรา 19% ว่า เกษตรกรชาวสวนจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีดังกล่าว เนื่องจากเกษตรกรขายวัตถุดิบ ไม่เข้าข่ายสินค้าที่จะต้องเก็บภาษี ส่วนที่ได้รับผลกระทบจะเป็นผู้ประกอบกิจการแปรรูปยางพารา เช่น ยางล้อ ถุงมือยาง เป็นต้น ซึ่งเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ผู้ประกอบกิจการแปรรูปยางพาราในประเทศอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบ เช่น อินโดเนียหรือมาเลเซียเอง สหรัฐอเมริกาก็เก็บอัตราภาษีสินค้านำเข้า 19% เท่ากับประเทศไทย ในขณะที่ประเทศเวียดนามถูกเรียกเก็บถึง 20% ดังนั้น ไม่ต้องกังวลในประเด็นการย้ายฐานการผลิตสินค้าของผู้ประกอบกิจการแปรรูปยางในไทยไปประเทศอื่น เพราะหลายประเทศถูกเรียกเก็บอัตราภาษีใกล้เคียงกัน และการย้านฐานการผลิตนั้นต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
ส่วนเกษตรกรจะถูกผู้ประกอบกิจการแปรรูปยางพารากดราคารับซื้อยางพาราลงหรือไม่นั้น ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เช่นกัน เพราะถ้ากดราคารับซื้อมาก เกษตรกรสามารถเลือกที่จะส่งออกวัตถุดิบแทนได้ ประกอบกับ กยท.ในปัจจุบันสามารถบริหารจัดการยางได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จะเห็นได้จากที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาบริหารงาน ราคายางเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ จากเดิมราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาเพียง 49 บาทต่อกิโลกรัม ยางก้อนถ้วยราคาไม่เกิน 18 บาทต่อกิโลกรัม แต่ในปี 2567 ที่บริหารผ่านมา ยางแผ่นรมควันชั้น3 เพิ่มขึ้นในระดับราคาไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับยางก้อนถ้วย ราคาไม่ต่ำกว่า 30 บาทต่อกิโลกรัม โดยไม่ใช้งบประมาณจากรัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคา หรือชดเชยรายได้เหมือนที่ผ่านมา

“ก่อนหน้านี้ต้องใช้งบประมาณรัฐมากกว่า 150,000 ล้านบาท เพื่อเข้ามาแทรกแซงราคายาง และมาตรการชดเชยรายได้ แต่สามารถขายยางได้คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 250,000 บาทเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีการปรับการบริหารจัดการยางโดยใช้กลไกการตลาด ไม่ใช้งบประมาณรัฐเข้ามาแทรกแซง กลับประสบผลสำเร็จได้อย่างน่าพอใจ ราคายางได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ในปี 2567 สามารถขายยางได้คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ล้านบาท ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าสิ้นปี 2568 มูลค่าการขายยางของไทยโดยรวม จะไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน" รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าว
ดร.เพิก กล่าวต่อว่า กยท.ใช้กลไกการตลาดในการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างเสถียรภาพในยางพารา โดยได้ผลักดันให้มีการนำราคาอ้างอิงยางพาราของประเทศไทย ไปใช้ในการซื้อขายแทนการใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าของต่างประเทศ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ราคาอ้างอิงของประเทศไทยนั้น เป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนและสถานการณ์ที่แท้จริงจากตลาดซื้อขายยางว่า 600 ตลาดทั่วประเทศไทย สร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง นอกจากนี้ ยังได้จับมือกับประเทศไอวอรี่โคสต์ ผู้ผลิตยางรายใหญ่ของแอฟริกา ใช้ราคาอ้างอิงประเทศไทยในการซื้อขายยางพาราอีกด้วย
สำหรับสถานการณ์ยางในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมาตรการงดกรีดยาง 1 เดือนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะมีผลในช่วงครึ่งปีหลัง คือ ปริมาณยางหายไปจากตลาดประมาณ 200,000 ตัน ประกอบกับในช่วงนี้เป็นฤดูฝนจะกรีดยางได้ลดลง เมื่อปริมาณยางมีน้อยจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นตามกลไกการตลาด ในขณะเดียวกัน กยท. ยังนำโครงการชะลอการขายยางมาใช้เป็นอีกมาตรการหนึ่งในการควบคุมปริมาณผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ตลาดให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ยาง คาดว่าจะสามารถดูดซับปริมาณยางได้อีกประมาณ 200,000 ตัน โดยนำไปผลิตเป็นยางแท่ง STR ลดความผันผวนด้านราคา ทำให้ราคายางพารามีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังเตรียมประสานกับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานให้ใช้ยางล้อมาตรฐานระดับโลก แบรนด์ “Greenergy Tyre” ของ กยท. ในการเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ราชการเมื่อครบอายุการใช้งาน คาดว่าจะเริ่มส่งยางล้อให้ได้ภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน รวมทั้งยังเตรียมลงนามความร่วมมือ(MOU) กับกรมชลประทานนำท่อยางพาราไปใช้ระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้ กยท.มีเทคโนโลยีการผลิตท่อยางที่ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมหลักขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซ็นติเมตร เพื่อใช้ในการส่งน้ำทดแทนการส่งน้ำโดยใช้คลองส่งน้ำ โดยจะสร้างเป็นโครงข่ายบริหารจัดการน้ำเพื่อส่งน้ำให้ถึงแปลงเกษตรกร หรือโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยลดการสูญเสียน้ำ และที่สำคัญมีความแข็งแรง ความยึดหยุ่นสูง ทดต่อแรงดันและความร้อนสูง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้เป็นข้อท่อสำหรับท่อส่งน้ำเหล็กหรือท่อพีวีซี เพื่อให้ท่อมีความยืดหยุ่นสามารถส่งน้ำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ คาดว่าสามารถลงนามใน MOU ได้ภายในปีนี้เช่นกัน ซึ่งจะสามารถเพิ่มได้ใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐตามนโยบายของรัฐบาลได้ตามเป้าหมาย
"จากปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด มั่นใจได้ว่า ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2569 ราคายางจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะได้เห็นราคายางแผ่นรมควันชั้น3 ทะลุเลข 3 หลักอย่างแน่นอน" รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชายแดนเดือด! คนสุรินทร์ผวาบึ้ม แห่ขายยางหาเงินอพยพ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปตามติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้พบกับชาวบ้านไทยสันติสุข หมู่ที่ 16 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อพูดคุยสอบถามถึงสถานการณ์ชายแดน
ราคายางทะลุเลข 3 หลัก...ความฝันหรือความจริง?
"ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2569 ราคายางจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะได้เห็นราคายางแผ่นรมควันชั้น3 ทะลุเลข 3 หลักอย่างแน่นอน"
กยท. มั่นใจจีนยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราไทย 0% ช่วยเสริมศักยภาพ ขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น
กยท. ประสบผลสำเร็จในการเจรจากับรัฐบาลจีน ยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราจากไทยเหลือ 0% เผย สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ไทยขยายตลาดยางได้เพิ่มขึ้น พร้อมมั่นใจกฎ EUDR จะช่วยให้จีนต้องการยางจากไทยมากขึ้น สร้างความมั่นคงและเพิ่มเสถียรภาพให้ยางพาราของไทยอย่างแน่นอน
กยท.หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว การันตี!!จ่ายเงินกว่า 2,800 ล้าน ครบภายในก.ย. นี้
กยท.เดินหน้าอนุมัติคำขอ - พร้อมจ่ายเงินส่งเสริมและสนับสนุนกษตรกรชาวสวนยางในการปลูกยางทดแทน หวังลดภาระหนี้สินให้ชาวยาง พร้อมเร่งรัดจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรที่ยื่นคำขอฯ
กยท. ถอดบทเรียน รุกฆาตปราบปรามยางเถื่อน เพิ่มโทษยึดทรัพย์ ยันไม่เป็นมวยล้มมั่นใจราคาทะลุสามหลัก
กระทรวงเกษตรฯ เอาจริงปรับเกมส์รุกประกาศสงครามปราบปรามยางเถื่อน กยท. ถอดบทเรียนทบทวน แก้ไข อุดช่องโหว่กฎหมาย ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์
'คยปท.' นัดบุกทำเนียบฯ บี้รัฐบาลยุตินำเข้าสินค้าเกษตรหลัก
นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันภาคใต้ (คยปท.) เปิดเผยว่า ปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ( 27 - 28 กค. 68)


