
ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร เดินรณรงค์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก
ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’ เริ่มรณรงค์ให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกให้ความสำคัญกับปัญหานี้ตั้งแต่ปี 2528 โดยกำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมทุกปีเป็น ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ หรือ ‘World Habitat Day’ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกให้ความสำคัญกับสถานการณ์การขาดแคลนที่อยู่อาศัย ตลอดจนตระหนักถึงสิทธิพื้นฐานของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมของประชากรทุกคนบนโลก

ยื่นหนังสือการแก้ไขปัญหาฯต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ปีนี้วันที่อยู่อาศัยโลกตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม UN – HABITAT กำหนดคำขวัญ Urban crisis response “การรับมือกับวิกฤตการณ์ในเมือง” ทั้งนี้ที่ผ่านมา ภาคประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชนหรือ NGOs ทั่วโลก จะจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกทุกปี เพื่อให้รัฐบาลในประเทศนั้นๆ แก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนจน

เครือข่ายคนจนเรียกร้องการแก้ไขปัญหาที่สำนักงาน UN ประจำประเทศไทย
เครือข่ายคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร รวมพลังแก้ปัญหาที่ดินอยู่อาศัย
ส่วนในประเทศไทย ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร ได้แก่ เครือข่ายสลัม4ภาค , เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ , เครือข่ายริมรางเมืองย่าโม , ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม , เครือข่ายบ้านมั่นคงชุมชนริมรางรถไฟ , เครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตย , เครือข่ายภาคประชาสังคม , เครือข่ายพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย 5 ภาค , เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง ขบวนสภาริมรางเมืองขอนแก่น,สมาพันธ์คนไร้บ้านไทย ประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่ดินและที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ กว่า 5,000 คน ร่วมเดินรณรงค์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก World Habitat Day ได้รวมตัวกันเดินทางไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาที่หน้าสำนักงาน UN ประจำประเทศไทย และให้กับทำรัฐบาล

ติดตามการแก้ไขปัญหาฯบริเวณตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล
โดยเริ่มเดินรณรงค์จาก ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปตามเส้นทางถนนดินสอ ผ่านแยกสะพานผ่านฟ้า มายังถนนราชดำเนินนอก มารวมกัน ณ เพื่ออ่านแถลงการณ์และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยของคนจนทั่วประเทศ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ประจำปี 2568

แถลงการณ์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ประจำปี 2568 หน้าสำนักงาน UN ประจำประเทศไทย
แถลงการณ์เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ประจำปี 2568
ตามที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ประกาศให้ “วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม ของทุกปี ให้เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก (World Habitat Day)” เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญต่อสิทธิที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของมนุษย์ที่ขาดมิได้ ในประเทศไทยเองยังมีคนจำนวนมาก ที่ยังไม่มีโอกาสที่จะเข้าถึงที่ อยู่อาศัยที่มั่นคง เนื่องจากปัจจัยสำคัญด้านที่ดินที่มีมูลค่าสูง และรัฐยังไม่มีแนวนโยบายในการจัดการที่ดินในเชิงสิทธิที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ และเนื่องในโอกาสที่วันที่อยู่อาศัยโลก ในปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร ได้แก่ เครือข่ายสลัม4ภาค , เครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ , เครือข่ายริมรางเมืองย่าโม , ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม , เครือข่ายบ้านมั่นคงชุมชนริมรางรถไฟ , เครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตย , เครือข่ายภาคประชาสังคม , เครือข่ายพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย 5 ภาค , เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง ขบวนสภาริมรางเมืองขอนแก่น,สมาพันธ์คนไร้บ้านไทย ประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องที่ดินและที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ กว่า 5,000 คน เริ่มต้นขบวนรณรงค์ ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ เพื่อติดตามข้อเสนอ และข้อทักท้วงต่อรัฐบาลในการดำเนินนโยบายที่อยู่อาศัย ที่ได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลไว้เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 โดยขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย ต้องการให้รัฐบาลตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาที่อยู่อาศัย และไม่ดำเนินนโยบายที่เป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์การเข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัย หนักยิ่งขึ้น โดยมีข้อทักท้วง และข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลดังต่อไปนี้

ผู้แทน UN ประจำประเทศไทยอ่านสาส์นเนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก
ในปี 2568 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อรณรงค์ในวันที่อยู่อาศัยโลกไว้ว่า urban crisis response “การตอบสนองต่อวิกฤตในเมือง” มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาวิกฤติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเมือง เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความขัดแย้ง การส่งเสริมเครื่องมือ และแนวทางการรับมือกับวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำถึงความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการสร้างสภาพแวดล้อมในเมืองที่มีความยืดหยุ่น ทนทาน และฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าผู้อยู่อาศัยทุกคน จะได้รับการพัฒนาที่เท่าเทียม และยั่งยืน ซึ่งเราตระหนักว่า เป็นเรื่องสำคัญ เป็นภัยใกล้ตัวที่ทุกคนเผชิญร่วมกัน โดยเฉพาะคนจนจะได้รับผลกระทบต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และยังไม่เห็นมาตรการ และนโยบายที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลที่จะรับมือต่อวิกฤตนี้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่ไม่เท่าเทียม ไม่มีความยั่งยืน ส่งผลให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่เผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำมากที่สุดเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก โดยเฉพาะโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนสร้างผลกระทบต่อความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย ทำให้คนจนต้องถูกไล่รื้อ ถูกขับไล่ออกจากที่ดิน หรือแม้กระทั่งการจะเข้าถึงที่ดิน และที่อยู่อาศัย ก็เกินกำลังความสามารถที่คนจนจะเข้าถึงได้ เนื่องจากที่ดิน และที่อยู่อาศัย มีราคาสูง เพราะรัฐบาลปล่อยให้เป็นเรื่องกลไกตลาด และยังไม่มีรัฐบาลใดตระหนักถึงปัญหา และให้ความสำคัญ ที่จะกำหนดให้ที่อยู่อาศัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นหลักประกันที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ จึงเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ใน 7ประเด็น ดังนี้

นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกรัฐบาล รับข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาฯพี่น้องคนจน 11 องค์กร
ประเด็นที่ 1 การกำหนดกติกาประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ
1.รัฐบาลต้องจัดทำประชามติเพื่อให้เกิดกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากประชาชนโดยตรง
2.รัฐธรรมนูญจะต้องให้ความสำคัญต่อที่อยู่อาศัยโดยการบรรจุเนื้อหา “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่ 2 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในย่านคลองเตย
กระทรวงคมนาคมต้องมีนโยบายการแบ่งปันที่ดิน และแนวทางการจัดที่อยู่อาศัยสำหรับชาวชุมชนคลองเตย โดยให้มีการแบ่งปันที่ดินร้อยละ 20 ของที่ดินการท่าเรือแห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อ “บ้าน สวน คนเมือง แบ่งปัน เพื่อความยั่งยืน” พร้อมทั้งจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับผู้แทนเครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตยหลังจบการเจรจาหารือทันที
ประเด็นที่ 3 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
1.รัฐบาลต้องสานต่อนโยบายการนำที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยมาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
2.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการจัดทำสัญญาเช่าที่ดิน จำนวน 28 แปลง 1,381 ครัวเรือน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569 เพื่อให้ทันการใช้งบระมาณโครงการบ้านมั่นคงของ พอช. ในปีงบประมาณ 2569
3.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินให้กับชุมชนเป็นสถานะปัจจุบันตามที่ชุมชนได้ชำระค่าเช่ามาให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568
4.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการส่งมอบพื้นที่เช่า จำนวน 10 แปลง ที่ได้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินกับบริษัทลูกของ รฟท. (SRTA) ที่คงค้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2568 และหาแนวทางแก้ไขปัญหาสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ให้กับชุมชน
5.ให้มีการสั่งการถึงกระทรวงคมนาคมต้องกำหนดวันหารือแนวการแก้ไขเนื้อหาสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์มติคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2543 ภายในเดือนตุลาคม 2568
6.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องนำเรื่องชุมชนพระราม 6 ที่ได้ข้อยุติร่วมกันแล้วเสนอให้คณะกรรมการ รฟท.พิจารณาอนุมัติ ภายในเดือนตุลาคม 2568
7.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนในการขออนุญาตพัฒนาพื้นที่ด้านสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 30 วัน
8.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในการเชื่อมต่อกับพื้นที่ที่ชุมชนเช่าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆกับทางชุมชน หรือหน่วยงานที่ดำเนินการ
9.ให้มีการสั่งการถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องประสานเจ้าของที่ดินข้างเคียงเพื่อดำเนินการชี้แนวเขตพื้นที่เช่าให้ชัดเจน สำหรับการดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่ให้เกิดข้อพิพาทระหว่างกัน
10.ให้มีนโยบายถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรณีการเข้าพื้นที่เพื่อพัฒนาตามนโยบายโครงการบ้านมั่นคง หากพบปัญหาอุปสรรคที่ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องดำเนินการแก้ปัญหาอุปสรรคดังกล่าว และหลังจากมีการพัฒนาพื้นที่แล้วเกิดปัญหาอุปสรรคในการบริหารสัญญาเช่าที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทยต้องมาร่วมเป็นโจทก์ในการดำเนินการทางคดีด้วย

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้คำมั่นสัญญากับขบวนคนจนฯในการแก้ไขปัญหา
ประเด็นที่ 4 การแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนในที่ดินสาธารณประโยชน์
1.รัฐบาลต้องมีนโยบายการนำที่ดินสาธารณประโยชน์มาแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ให้กับประชาชน
2.กระทรวงมหาดไทยต้องมีมาตรการคุ้มครอง และชะลอการดำเนินคดีกับชุมชนที่อยู่ในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน
3.กระทรวงมหาดไทย ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เป็นปัจจุบันและสามารถนำมาจัดสรร เพื่อการทำกินและที่อยู่อาศัยได้ โดยประชาชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว และให้มีข้อสั่งการไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลที่ดินสาธารณประโยชน์ทั่วประเทศ
4.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. 2568 เพื่อขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณะที่หมดความจำเป็นแล้ว ให้สามารถนำมาจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินได้
5.กระทรวงมหาดไทย ต้องพิจารณาอนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดทำทะเบียนบ้านชั่วคราวและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา
6.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีข้อสั่งการให้ คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเสนอพื้นที่ ชุมชนบึงลำไผ่ เขตมีนบุรี เป็นพื้นที่นำร่อง ภายใน 30 วัน
7.เสนอให้ กระทรวงมหาดไทย มีการทบทวนสัดส่วน บทบาทหน้าที่ ขั้นตอนการขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ ของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช. จังหวัด)
8.กระทรวงมหาดไทย ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ของชุมชนในที่ดินสาธารณประโยชน์ ระดับจังหวัดทุกจังหวัด ที่มีกลุ่มผู้เดือดร้อนที่ต้องการมีสิทธิในที่ดิน และที่อยู่อาศัย
ประเด็นที่ 5 การแก้ปัญหาการรวมกลุ่มเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ในรูปแบบสหกรณ์
1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องพิจารณาจัดตั้งรูปแบบประเภทสหกรณ์ ประเภทที่ 8 เคหสถานบ้านมั่นคง โดยแก้ไข เพิ่มเติมในพระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับ พ.ศ. 2542
2.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนกฎกระทรวง ระเบียบ คำสั่ง ประกาศ คำแนะนำ ว่าด้วยการจัดตั้งสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง โดยต้องเกิดการพิจารณาร่วมกับเครือข่ายองค์กรชุมชน เพื่อให้สอดคล้องการบริหารสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยลักษณะแปลงรวม
3.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องทบทวนและมีแนวทางแก้ไขเรื่องการยกเลิกสหกรณ์บ้านมั่นคง จำนวน 33 สหกรณ์ ให้ที่ดินและที่อยู่อาศัยบริหารโดยชุมชนดังเดิม
4.กรมส่งเสริมสหกรณ์ ต้องมีคำสั่งให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาสหกรณ์ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง
ประเด็นที่ 6 การขับเคลื่อนนโยบายโฉนดชุมชน
1.รัฐบาลต้องยืนยันแนวทางการแก้ปัญหาที่ดิน ที่อยู่อาศัย ในรูปแบบโฉนดชุมชน ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบการจัดการที่ดิน
2.ให้จัดทำระเบียบสำนักนายกว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... ฉบับที่ 3 / ฉบับปรับปรุงแก้ไข ในการนำเสนอมาตรการและแนวทางการยกระดับโฉนดชุมชน เพื่อให้การดำเนินการโฉนดชุมชนเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดที่ดิน ตามมาตรา 10(4) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562
3.ให้กำหนดวันประชุมคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ภายในเดือนตุลาคม เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการขับเคลื่อนงานของสำนักงานประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) และเริ่มดำเนินงานทันทีหลังการประชุม

ประชุมการแก้ปัญหาการรวมกลุ่มเพื่อแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ในรูปแบบสหกรณ์
ประเด็นที่ 7 การแก้ไขปัญหาคนไร้บ้านและผู้เช่าห้องราคาถูก
1.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนาม รับรองระเบียบและข้อหารือนโยบาย “โครงการห้องเช่าคนละครึ่ง” และ “โครงการการขยายสิทธิระบบครอบครัวอุปถัมภ์ให้ศูนย์พักพิงคนไร้บ้านเข้าเงื่อนไขการเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ได้”
2.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ติดตามและมีมติลงนามใน 2 กลไก
2.1 การแต่งตั้งกลไกคณะทำงานในระดับจังหวัด ที่มีองค์ประกอบหลัก 3 ฝ่าย คือ สมาชิกคนไร้บ้าน/ตัวแทนสมาพันธ์คนไร้บ้านในพื้นที่ ภาครัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัด และ องค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่ที่มีความเข้าใจและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง
2.2 คณะทำงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาศักยภาพชีวิตคนไร้บ้านในระดับชาติ เพื่อเป็นกลไกร่วมกันในการตัดสินใจทางนโยบายทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน
ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย คาดหวังว่า รัฐบาลปัจจุบันที่มาจากการเลือกตั้งจะมุ่งเน้นเห็นความสำคัญต่อปัญหาที่อยู่อาศัย อย่างเอาจริงเอาจังให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ขบวนคนจนเพื่อสิทธิที่ดินและที่อยู่อาศัย 11 องค์กร แสดงพลังมวลชนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต
นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน
“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”
รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง
จากความไม่มั่นคงสู่ชุมชนต้นแบบ....บ้านมั่นคงเจริญชัยนิมิตใหม่
เรื่องราวของ ชุมชนเจริญชัยนิมิตใหม่ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์ที่ว่า การรวมพลังและหัวใจของ "คนในชุมชน" พวกเขาพลิกจากอดีตชุมชนแออัดริมทางรถไฟที่มีอายุเก่าแก่กว่า 50 ปี
ชุมชนสวนพลู จากสลัม สู่บ้านมั่นคงโมเดล ใจกลางกรุงเทพฯ
ในอดีต ชุมชนสวนพลูเป็นพื้นที่แออัดใจกลางเมืองที่ประสบปัญหามากมาย ทั้งการอยู่อาศัยอย่างไม่มั่นคงบนที่ดินกรมธนารักษ์, ปัญหาอาชญากรรม, และเศรษฐกิจที่เปราะบาง
หินเหล็กไฟ “ชุมชนผู้ไม่ยอมแพ้"
คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ดูจะตรงกับเรื่องราวของ "ชุมชนหินเหล็กไฟ" มากที่สุด ที่ซึ่งอดีตผู้บุกรุกที่ดินรถไฟริมทางรถไฟหัวหิน
แหลมโพธิ์ จากปัญหาสู่การพัฒนาที่เข้มแข็ง
บ้านในความหมายของคนตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี คือรากฐานของชีวิต ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล ทำให้พื้นที่จำกัดและเกิดปัญหาความแออัด ที่อยู่อาศัยทรุดโทรมจากการสร้างด้วยวัสดุไม่คงทน และการรวมตัวกันของครอบครัวขยาย รวมถึงรายได้ที่ไม่แน่นอนจากการประกอบอาชีพประมง นำไปสู่ปัญหาทางสังคมอื่นๆ ตามมา


