กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเทคโนโลยีการสังเคราะห์ยาโมลนูพิราเวียร์แก่นายกฯ-สธ.

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเทคโนโลยีการสังเคราะห์ยาโมลนูพิราเวียร์ที่ทรงประสบความสำเร็จ ไปใช้ประโยชน์พัฒนายาเพื่อการรักษาโควิด เพราะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์รวดเร็ว

23 ธ.ค.2564 – ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 
กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 5 หอศิลป์พิมานทิพย์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พระราชทานพระวโรกาสให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ เข้าเฝ้า เพื่อทรงหารือถึงแนวทางการนำเทคโนโลยีการสังเคราะห์ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ที่ทรงประสบความสำเร็จ ไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนายาเพื่อการรักษา เนื่องจากขณะนี้เชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ได้รวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดน้อยลงได้ การเร่งพัฒนายาเพื่อรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน

ในฐานะที่ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ทั้งด้านเคมีและด้านวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ จึงได้พยายามหาวิถีทางเพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาลโดยทรงเริ่มโครงการวิจัยเพื่อเร่งพัฒนายาในรูปแบบต่าง ๆ สำหรับรักษาโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด และได้ทรงเลือกยาโมลนูพิราเวียร์(Molnupiravir) ที่จะมีประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้น ซึ่งได้ประสบความสำเร็จโดยอาศัยวิธีการ 2 วิธี วิธีที่ 1 เป็นการสังเคราะห์โดยการใช้สารเคมีในกระบวนการทางอินทรีย์เคมีสังเคราะห์เพียง 3 ขั้นตอน ในเวลา 3 วัน จากสารตั้งต้นที่หาซื้อได้ในราคาไม่แพง โดยคำนวณค่าใช้จ่ายในการผลิตประมาณ 750 บาท ต่อ 1 คอร์ส ของการรักษา คือ 5วัน ในขณะที่ยาที่ประกาศขายในต่างประเทศขณะนี้ มีราคาประมาณ 700 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 23,000 บาทต่อ 1 คอร์ส วิธีการแบบที่ 2 เป็นการใช้เอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาโดยใช้ขั้นตอนเพียง 2ขั้น เพื่อเติมหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างที่จำเป็นเท่านั้น และใช้เอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ลดความซับซ้อนในการจัดการกับปฏิกิริยาอีกด้วย  ดังนั้น ความสำเร็จนี้จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตตัวยาได้ภายในประเทศ

จากนั้น พระราชทานเทคโนโลยีการสังเคราะห์ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ที่ทรงประสบความสำเร็จทั้ง 2 วิธี แก่นายกรัฐมนตรี โดยขอมอบให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำไปต่อยอดการผลิตในระดับอุตสาหกรรมให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน

สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ มีเป้าหมายสูงสุดในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ความร่วมมือกันระหว่างสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การเภสัชกรรม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะทำให้เกิดเป็นผลงานที่เป็นรูปธรรม และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางยา เวชภัณฑ์ ให้แก่ประเทศ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับเผชิญหน้ากับภาวะวิกฤตซึ่งเกิดจากโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอพระราชทานพระวโรกาสถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2564 และถวายวัคซีนซิโนแวค(Sinovac) จำนวน 1,500,000 โดส ซึ่งรัฐบาลไทยได้รับมอบจากรัฐบาลจีน เพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการสาธารณสุขของประเทศ ต่อจากนั้น พระราชทานวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) จำนวนดังกล่าวนี้ แก่ นายแพทย์ยุทธ โพธารามิก เลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. เพื่อนำวัคซีนไปฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ 'สมเด็จพระพันปีหลวง' 

2 พ.ย.2568 - เวลา 10.40 น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระโกศ ทรงคม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์พระพิธีธรรมสวดอภิธรรม แล้วทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา จากนั้น เสด็จไปทรงคมที่หน้าเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารหน้าพระแท่นพระนพปฎมหาเศวตฉัตร แล้วทรงคมที่หน้าพระโกศพระบรมศพ แล้วเสด็จกลับ.

แม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่สร้างหลุมหลบภัย รั้วชายแดน ภายใต้กองทุนหทัยทิพย์

แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่แนวชายแดน ตรวจการก่อสร้างหลุมหลบภัย พร้อมติดตามแผนการสร้างกำแพงรั้วชายแดน 6 จุด ภายใต้กองทุนหทัยทิพย์