ส.ฟุตบอลฯน้อมรับแนวคิด จากโอลิมปิกไทย-กกท. แต่ปรับคิวลีกหนีซีเกมส์คงยาก

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขอบคุณโอกาสที่ได้อธิบายแผนงานต่อ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย คณะกรรมการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เรื่องการเตรียมทีมสำหรับรายการแข่งขันฟุตบอลในปีหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการของบประมาณเตรียมทีม เช่น ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และ เอเอฟซี U23 คัดโอลิมปิก
 
ตามที่ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมกันประชุมพิจารณาแผนงานและงบประมาณการเตรียมนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งกำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ร่วมกับ คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย, คณะกรรมการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ และการกีฬาแห่งประเทศไทย  
 
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวว่า “เป็นเรื่องของความเป็นห่วงกังวล และคาดหวังที่อยากเห็นความสำเร็จให้คนไทยมีความสุขกับการเชียร์กีฬา ซึ่งสมาคมฯ ได้เข้ารับฟังและเข้าใจมุมมองจากทั้งรองผู้ว่าฯ และผู้บริหารของโอลิมปิคไทยเป็นอย่างดี”
 
“ขณะเดียวกันถือเป็นเรื่องดีที่สมาคมฯ ได้รับโอกาสในการอธิบายถึงแผนงานที่เตรียมไว้ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ผมถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนกัน”
 
สมาคมฯ แจ้งต่อที่ประชุมว่าจะใช้นักกีฬาในรุ่นอายุ ที่สามารถลงแข่งขันได้ในทุกรายการในปี 2023 ตั้งแต่ชิงแชมป์อาเซียน U23 ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ และเอเอฟซี U23 ที่จะใช้เป็นรายการในการคัดโอลิมปิค ปารีส 2024 ต่อไป แม้อายุอาจจะยังไม่เต็มรุ่นในช่วงที่เข้าสู่รายการซีเกมส์ที่กัมพูชาก็ตาม แต่จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการเล่น และระบบทีม มากกว่าการใช้เต็มรุ่นอายุและต้องเปลี่ยนนักกีฬาเมื่อจบรายการนั้นๆ ไป และพวกเขาจะอยู่ในช่วงอายุเต็มรุ่นพอดีสำหรับรายการเอเอฟซี U23 คัดโอลิมปิก
 
โดยเฉพาะนโยบายไม่ใช้ผู้เล่นโควต้าอายุเกิน ที่แม้จะสามารถใช้ได้ในรายการซีเกมส์ กลับกันไม่สามารถใช้โควต้าเหล่านี้ได้ในรายการเอเอฟซี U23 คัดโอลิมปิค ในช่วงปลายปี และถ้าผ่านไปถึงเอเอฟซี U23 รอบสุดท้ายเพื่อคัดโอลิมปิค ตรงนี้ก็ต้องชี้แจงว่าควรให้ผู้เล่นได้ลงอย่างต่อเนื่องในตำแหน่งสำคัญๆ ทุกรายการ
 
การที่นักกีฬาได้เล่นด้วยกันได้ในหลายๆ ทัวร์นาเมนต์นั้น ก็จะเรียนรู้ แก้ไข พัฒนาไปด้วยกัน และเมื่อจบการแข่งขันในปีหน้าเราก็จะได้นักกีฬาชุดที่ขึ้นไปเตรียมรองรับการผลัดใบของชุดใหญ่ได้ในทุกตำแหน่ง วงรอบแบบนี้จะช่วยสร้างความต่อเนื่องให้กับทีมชาติเมื่ออายุเกิน 23 และก้าวสู่ชุดใหญ่ ซึ่งนี่คือวิธีการที่สากลได้ปฏิบัติกัน เพื่อให้มีนักฟุตบอลที่เล่นด้วยกันมาตลอด เติบโตขึ้นไปสนับสนุนรองรับกันรุ่นสู่รุ่นต่อไปในทุกตำแหน่ง
 
กรณีที่มีการพูดถึงการปรับโปรแกรมลีกเพื่อให้มีเวลาฝึกซ้อมให้ซีเกมส์มากขึ้นนั้น ขอแจ้งว่าเป็นความคิดเห็นที่กล่าวขึ้นจากผู้ที่เข้าร่วมประชุม แต่เมื่อสมาคมฯ ได้ชี้แจงว่าไม่ควรไปกระทบการแข่งขันของสโมสรอาชีพ ยิ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ สโมสรต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเพิ่มมาจากเดิมวางไว้ 9 เดือน เป็น 10 หรือ 11 เดือน โดยไม่ได้มีอะไรที่จะการันตีว่าจะได้นักฟุตบอลจากสโมสร จากที่เราทราบดีว่าระเบียบและโปรแกรมการแข่งขันซีเกมส์นั้น ใช้นักกีฬาตลอดทัวร์นาเมนต์เพียง 20 คน และไม่ได้เว้นวันพักฟื้นเหมือนกับกีฬาอาชีพ มีโอกาสบาดเจ็บ ก็เป็นเรื่องที่ต้องนำมาแลกเปลี่ยนให้ทราบในที่ประชุมได้ทราบ
 
ในขณะนี้มีการเก็บข้อมูล และพร้อมที่จะทำการฝึกซ้อมในช่วงปลายปี ซึ่งจะดีกว่าหากว่าเข้าหารือ แจ้งสโมสรเพื่อขอความร่วมมือในการสนับสนุนนักกีฬาแต่ละคนที่ต้องการ เข้าซ้อมในช่วงที่ลีกหยุดพัก และเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องในต่างประเทศหากได้มีการเทียบเชิญมา ก่อนมหกรรมกีฬาซีเกมส์ต่อไป ซึ่งที่ประชุมก็เห็นด้วยและยินดีให้การสนับสนุน
 
ส่วนเรื่องงบประมาณ ทาง กกท. ขอให้ปรับเปลี่ยนเอกสารให้เข้ากับหมวดที่เกี่ยวข้องและอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามระเบียบที่ กกท. สามารถให้เบิกจ่ายได้ ซึ่งในตอนแรกสมาคมฯ นั้นต้องการ นำเสนอค่าใช้จ่ายจริงที่สามารถอ้างอิงได้จากปีก่อน ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ สนามซ้อม เบี้ยเลี้ยง การเดินทาง และค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง (ถ้ามี) เพื่อให้ กกท. เห็นว่าค่าใช้จ่ายก็ยังมีมากพอสมควรที่ยังไม่ครอบคลุมอยู่ในระเบียบปัจจุบัน ก็ได้รับการแนะนำเป็นอย่างดี ซึ่งได้ปรับแก้และส่งกลับไปให้ กกท.พิจารณาแล้ว
 
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกท.จับมือม.มหาจุฬาลงกรณฯ จับนักกีฬาฝึกสมาธิคุมอารมณ์ ให้จิตใจเข้มแข็ง

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมกับ รองศาตราจารย์ ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานในการแถลงข่าวการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ณ โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ ศรีนครินทร์ เมื่อวันพุธที่ 17 เมษายน 2567

'กกท.-กองทุนกีฬา-บัวขาว' บุกอังกฤษโปรโมตมวยไทย งาน'สปอร์ต แอคคอร์ด เวิลด์ฯ'

กกท. จับมือ กองทุนกีฬา-สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ นำคีย์แมนกีฬาเมืองไทยพร้อมด้วย บัวขาว บัญชาเมฆ ร่วมงานใหญ่ระดับโลก "สปอร์ต แอคคอร์ด เวิลด์ สปอร์ต แอนด์ บิสซิเนส ซัมมิท 2024" ที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ ผลักดัน "มวยไทย" บรรจุโอลิมปิกเกมส์ตามกระบวนการที่ถูกต้อง แถมยังดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทยเพื่อฝึก "มวยไทย" หลังจากรัฐบาลอนุมัติวีซ่ากรณีพิเศษ 90 วัน

'มาดามแป้ง-กกท.-แพลนบี' ตั้งจอยักษ์ที่ราชมังฯ ให้แฟนลุ้นเปิดบ้านล้มเกาหลีใต้

"มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยข่าวดีหลังเตรียมจับมือร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ แพลน บี มีเดีย (PLANB) ติดตั้งจอยักษ์บริเวณสนาม ราชมังคลากีฬาสถาน เพื่อเป็นทางเลือกให้แฟนบอลชาวไทย ร่วมเชียร์ ทัพช้างศึก ในเกมเปิดบ้านพบกับ เกาหลีใต้ ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 4

กกท.แก้ปัญหาเรียบร้อย เตรียมเบิกเบี้ยเลี้ยง ทัพพาราลิมปิก2024สัปดาห์หน้า

จากกรณีที่เหล่าทัพนักกีฬาพาราทีมชาติไทย และ ผู้ฝึกสอน ได้แชร์โพสต์ของ นายไมตรี คงเรือง เลขาธิการและประชาสัมพัทธ์ สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ระบุว่า ขณะนี้ทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ยังไม่มีงบประมาณการเก็บตัวเพื่อเข้าแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28 ส.ค. – 8 ก.ย. 2024 ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามเป้าหมายเหรียญทองที่ตั้งไว้

กกท.รับรอง'มาดามแป้ง' นั่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย คนที่ 18

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ส่งหนังสือลงนาม วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ให้การรับรอง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนที่ 18 อย่างเป็นทางการ พร้อมทีมงานสภากรรมการทั้ง 18 ราย หลังตรวจสอบขั้นตอนการเลือกตั้งทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย

กรุงเทพฯ-การกีฬา ร่วมผลักดัน นำร่อง'มวยไทย'สู่โรงเรียน

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เป็นประธานในพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ "โครงการต้นกล้ามวยไทย" โดยมี ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้ลงนามร่วมกัน