“ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนตินา เดินทางกลับบ้านเกิดของพวกเขาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนนั่งรถเปิดประทุนแห่ถ้วยแชมป์โลกฉลองร่วมกับแฟนบอลที่มารอต้อนรับเต็มสองข้างทางของกรุงบัวเอโนสไอเรส
มีแฟนฟุตบอลออกมาร่วมเฉลิมฉลองบนท้องถนนมากถึง 4 ล้านคน แทบจะไม่มีพื้นที่ว่างเหลืออยู่ โดยมีบางส่วนถึงขั้นพยายามปีนขึ้นรถบัสของนักฟุตบอล และบางส่วนดักรอบริเวณสะพาน และพยายามกระโดดลงมาในรถบัสของนักเตะ
ตามการรายงานข่าวระบุว่าสมาคมฟุตบอลอาร์เจนตินา มีการขอร้องให้แฟนบอลร่วมฉลองแชมป์กันอย่างสงบ เพื่อความปลอดภัยกับทั้งตัวแฟนบอลเอง และตัวนักฟุตบอลอีกด้วย
แผนเดิมของสมาคมฯ คือการแห่ถ้วยแชมป์เป็นระยะทาง 30 กิโลเมตรให้เสร็จสิ้นภายใน 8 ชั่วโมง แต่สุดท้ายแผนดังกล่าวมีอันต้องเลิกล้มเนื่องจากไม่สามารถควบคุมผู้คนได้ และกลัวจะเกิดเหตุความวุ่นวายไปมากกว่านี้
สุดท้ายทีมงานตัดสินใจให้นักฟุตบอลทุกคนสละรถทิ้ง ยกเลิกขบวนแห่ถ้วยแชมป์โลก และเปลี่ยนให้ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินโชว์ตัวแทน
“นักเตะอาร์เจนติน่าตัดสินใจจบการฉลองแชมป์ด้วยขบวนรถ และมาเดินทางทางเฮลิคอปเปอร์ บินเหนือฝูงชนที่มารอต้อนรับแทน พวกเขาตัดสินใจหลังจากพิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ด้วยรถบัสท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง” แถลงการณ์จากสมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่า
ทั้งนี้นักฟุตบอลไม่สามารถเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ โอเบลิสโซ่ ได้ตามแผนเดิม เนื่องจากผู้คนที่มารอต้อนรับกันอย่างเนืองแน่นมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งสมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่า ได้มีการออกมาขอโทษในภายหลังอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมจากตำรวจในกรุงบูเอโนสไอเรสว่า มีชายคนหนึ่งขึ้นไปฉลองกระโดดโลดเต้นบนหลังคา กระทั่งหลังคาพังแล้วพลัดตกลงมา บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปสิ้นลมที่โรงพยาบาลเฟร์นานเดซ
ขณะเดียวกัน มีเด็กน้อยวัย 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงซึ่งตนอนี้อาการเข้าขั้นโคมาในห้องไอซียู หลังเกิดเหตุ ที่พลาซา ซาน มาร์ติน สถานที่ซึ่งผู้บาดเจ็บเดินทางมาฉลองแชมป์พร้อมกับพ่อ-แม่ ของเขา สาเหตุเป็นเพราะมีชิ้นส่วนของหินอ่อนร่วงมาจากอนุสาวรีย์จนกระแทกศีรษะ
