
ตระกูลเกลเซอร์ หยุดกระบวนการขายสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาไว้เป็นการชั่วคราวตามรายงานจากสื่อในสหราชอาณาจักร หลังข้อเสนอที่พวกเขาได้รับจากทั้ง 2 กลุ่มทุนยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ
ตระกูลเกลเซอร์ ออกมาประกาศขายสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วง 9 เดือนก่อน โดยให้เหตุผลว่าพวกเขากำลังมองหาแผนการพัฒนาธุรกิจอื่นๆ โดยมอบหมายให้ เรน กรุ๊ป ธนาคารเพื่อการค้าชื่อดังสัญชาติอเมริกันเป็นผู้ดำเนินการเรื่องการซื้อขายสโมสร อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกา ยังไม่ได้รับข้อเสนอในราคาที่พวกเขาต้องการ
ทั้งนี้ตระกูลเกลเซอร์ ได้รับการเสนอราคาหลายครั้งจาก เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ประธานบริษัท อิเนออส และชีค จัสซิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี ผู้นำจากกลุ่มทุนกาตาร์ ซึ่งเป็นสองแคนดิเดตในการเสนอราคาการเทคโอเวอร์ในครั้งนี้แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถจูงใจให้ครอบครัวนี้ตอบรับที่จะขายสโมสร
แฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่รู้สึกหมดหวัง และอยากจะให้ เกลเซอร์ ขายทีมในซัมเมอร์นี้ โดยหลังผ่านทศวรรษที่ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และพวกเขากำลังโดนคู่แข่งร่วมเมือง อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี ทิ้งห่างในเรื่องของความสำเร็จ และผลการแข่งขันช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตามรายงานของ ดิ ไอ สื่อในสหราชอาณาจักร ระบุว่า ตระกูลเกลเซอร์ ได้หยุดกระบวนการเทคโอเวอร์ชั่วคราวเพราะพวกเขาผิดหวังกับข้อเสนอของ แรตคลิฟฟ์ และ ชีค จัสซิม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เสนอเงินจำนวน 5 พันล้านปอนด์เพื่อซื้อหุ้นของพวกเขา แต่เจ้าของทีมปัจจุบันอยากได้มากกว่านั้น
มีการอ้างเหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้ ตระกูลเกลเซอร์ หยุดกระบวนการนี้เนื่องจากความร่วมมือครั้งใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ อดิดาส ซึ่งมีมูลค่า 900 ล้านปอนด์ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2035 อดิดาส เข้ามาแทนที่ ไนกี้ เป็นผู้ผลิตชุดของสโมสรในช่วงฤดูร้อนปี 2015 ซึ่งอาจทำให้พวกเขาได้กำไรจากการบริหารสโมสรฟุตบอลต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเกลเซอร์ ยังรอที่จะเห็นว่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางทีวีใหม่ของพรีเมียร์ลีกมีมูลค่าเท่าไรด้วย เช่นเดียวกับการเติบโตของฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา โดยที่ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางทีวีปัจจุบันของพรีเมียร์ลีกในสหราชอาณาจักรจะหมดอายุในอีกสองปีนี้


