การแข่งขันกีฬาแบดมินตัน ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 "หางโจวเกมส์" ที่ปินเจียง ยิมเนเซียม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบก่อนรองชนะเลิศ มีนักตบลูกขนไก่จากไทยลงสนาม 2 ประเภท
เริ่มจากประเภทหญิงเดี่ยว "ครีม" บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ พบกับ อัน เซ-ยอง มือ 1 ของโลกจากเกาหลีใต้ ปรากฎว่านักตบลูกขนไก่จากไทย ต้านทานความแข็งแกร่งของนักแบดแดนกิมจิไม่ไหว พ่ายแพ้ไป 2 เกมรวด ด้วยสกอร์ 12-21, 13-21 "ครีม"บุศนันทน์ อึ้งบำรุงพันธ์ จอดป้ายรอบ 8 คนสุดท้าย ส่วน อัน เซ-ยอง ผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปพบกับ เหอ ปิงเจียว ขวัญใจเจ้าถิ่น
ส่วนประเภทคู่ผสม "เอ็ม" สุภัค จอมเกาะ กับ "เฟม" ศุภิสรา เพียวสามพราน พ่ายแพ้ให้กับ เฟิง หยานเจ้อ กับ หวง ตงผิง 0-2 เกม ด้วยสกอร์ 14-21, 7-21 ตกรอบก่อนรองชนะเลิศเช่นเดียวกัน
จากความพ่ายแพ้ของนักกีฬาทั้ง 2 ประเภทในวันนี้ ทำให้ทีมตบลูกขนไก่จากประเทศไทย ไม่มีลุ้นเหรียญในการแข่งขันประเภทบุคคลแล้ว โดยทัพกีฬาขนไก่ไทยจบการแข่งขันหางโจวเกมส์ด้วยผลงาน 1 เหรียญทองแดง จากทีมหญิงเท่านั้น
ทางด้าน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เป้าหมายที่สมาคมฯ ตั้งไว้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ คือ อย่างน้อยต้องมีเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ซึ่งการได้ 1 เหรียญทองแดง ก็เป็นไปที่สมาคมฯ ได้แถลงไว้ตั้งแต่งาน “มีทเดอะเพรส” รวมถึงเป้าหมายที่แจ้งไว้ต่อคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การที่ทีมแบดมินตันไทยทำผลงานได้เพียง 1 เหรียญทองแดง ตนก็รู้สึกเสียใจ ที่ทำให้แฟนกีฬาแบดมินตันผิดหวัง
หากพิจารณาถึงความคาดหวังของแฟนกีฬาแบดมินตันชาวไทยแน่นอนว่า ทุกคนน่าที่จะผิดหวังกับผลงานนักกีฬาแบดมินตันไทย ที่ควรจะคว้าเหรียญรางวัลได้มากกว่านี้ แต่ต้องยอมรับว่า กีฬาแบดมินตันในเอเชียนเกมส์เปรียบเสมือนกับศึกชิงแชมป์โลก จะเห็นได้จากบรรดาแชมป์โลกครั้งล่าสุดทั้ง 5 ประเภท รวมทั้งนักกีฬามือระดับท๊อปของโลกเกือบ 100% ต่างเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนเกมส์ในครั้งนี้ ทำให้การแข่งขันในทุกประเภทต่างมีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก และมีความกดดันที่สูง เนื่องจากเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของชาวเอเซีย ซึ่งเราได้เห็นกันตั้งแต่ในการแข่งขันประเภททีม ที่มีหลายแมตช์แข่งขันที่เกิดการพลิกล๊อคอย่างมากมาย บรรดามือ 1 ของโลกหรือแม้แต่เจ้าของแชมป์โลกต่างต้องพลาดท่าปราชัยให้กับคู่แข่ง
สำหรับการแข่งขันในประเภททีมหญิง ทีมชาติไทยทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เข้ารอบรองขนะเลิศ ก่อนที่จะแพ้เกาหลีใต้ ในรอบรองชนะเลิศไป 3 ต่อ 1 คู่และในการแข่งขันครั้งนี้ ทีมเกาหลีใต้ก็เป็นทีมที่คว้าแชมป์เหรียญทองไปได้สำเร็จ โดยพิชิตเจ้าภาพ จีน 3 ต่อ 0
ขณะเดียวกัน ในประเภทบุคคลที่เรามีความหวัง เช่น ประเภทคู่ผสม บาส กับ ปอป้อ ก็ต้องถือว่า โชคไม่ดีที่จับฉลากมาพบกับเกาหลีใต้ซึ่งเป็นคู่แชมป์โลกล่าสุดในรอบ 16 คนสุดท้าย ต้องยอมรับว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่คู่ผสมแชมป์โลกจากเกาหลีใต้กำลังมีฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงมาก จนคู่บาส กับ ปอป้อไม่สามารถต้านทานได้
ขณะที่ในอีกประเภทที่มีความหวัง คือ ประเภทชายเดี่ยว ทีมไทยส่ง วิว กุลวุฒิ วิทิตสานต์แชมป์โลกคนล่าสุดลงทำการแข่งขัน ต้องยอมรับว่าการเดินทางไปแข่งขันในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ของวิว กุลวุฒิ มีสภาพร่างกายที่ไม่เต็ม 100% นัก จากปัญหาอาการตึงที่หลัง และก่อนการแข่งขัน 2 สัปดาห์ วิว กุลวุฒิ ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ จนต้องแอดมิดที่โรงพยาบาลถึง 4 วัน ส่งผลให้ต้องกลับมาฟื้นฟูสภาพความฟิตทั้งหมดใหม่ ร่างกายจึงแข็งแกร่งไม่เต็ม 100% ในการแข่งขันครั้งนี้ จนพลาดท่าแพ้ ลี ซิเจี๋ย จาก มาเลเซียไป
และที่สำคัญที่สุด คือการแข่งขันแบดมินตันในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทางสมาคมฯ จะนำมาปรับปรุงและวางแผน เพื่อเตรียมทีมนักกีฬาแบดมินตันไทย ที่จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือ การคว้าเหรียญรางวัลเป็นครั้งแรกในโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส