อนุกมธ.กีฬาวุฒิสภา เร่งสางปมจัดกีฬาทับซ้อน ของ3หน่วยงานหลัก

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นายวิเชียร ชัยสถาพร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ พันธกิจด้านกีฬาและความทับซ้อนของการจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างหน่วยงานต่างๆ โดยเชิญผู้แทนจากสำนักปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , ผู้แทนจากกรมพลศึกษา , ผู้แทนจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง
 
นายวิเชียร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการจัดการแข่งขันกีฬาทับซ้อนกันระหว่างกรมพลศึกษา , องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และการกีฬาแห่งประเทศไทย เช่น การจัดแข่งขันกีฬานักเรียนอายุไม่เกิน 18 ปีของกรมพลศึกษา ซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลกว่า 4,000 โรงเรียน แต่ขณะเดียวกันหน่วยงานท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดก็จัดแข่งกีฬานักเรียนเฉพาะโรงเรียนในท้องถิ่นของตัวเอง จึงทำให้เกิดปัญหาในการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เพียงพอต่อการจัดแข่งกีฬา 
 
ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทยและกรมพลศึกษา ก็มีการจัดการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุ ในลักษณะที่ทับซ้อนเช่นกัน เป็นผลให้กรมพลศึกษาถูกตัดงบประมาณลงไปเรื่อยๆในทุกปี ดังนั้นจึงเห็นว่าทั้ง 3 หน่วยงานควรมาทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อกำหนดว่า จะให้ใครเป็นเจ้าภาพจัดแข่งกีฬา เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เยอะกว่าและสมบูรณ์มากกว่า
 
นายภานพ ใจเกื้อ เลขาธิการสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะอนุกรรมาธิการด้านกีฬา กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ หรือ คกช. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการวางกรอบและขับเคลื่อนนโยบายด้านการกีฬาของประเทศ น่าจะเป็นหน่วยงานที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยและชี้ขาดว่าปัญหาหรือกิจกรรมมีความทับซ้อนกันหรือไม่ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ มีหลากหลายหน่วยงานร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่จัดทำนโยบายและพิจารณาแผนการจัดแข่งขันกีฬา แต่มีคำถามว่าได้มีการส่งหรือเสนอแผนการจัดการแข่งขันผ่านไปยังคณะกรรมการนโยบายกีฬาแห่งชาติให้ได้รับทราบหรือไม่ 
 
ด้านนายจำลอง อนันตสุข รองประธานอนุกรรมาธิการด้านกีฬา วุฒิสภากล่าวเสริมว่า ด้วยอำนาจหน้าที่ของ คกช. ที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการด้านกีฬาของประเทศ, เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินนโยบายและแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, รวมถึงการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนากีฬาของชาติ และพิจารณาการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐตามแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ สิ่งเหล่านี้ล้วนชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดแข่งขันกีฬา ควรต้องเสนอแผนการแข่งขันให้ คกช. รับทราบและพิจารณา ดังนั้น หากเกิดปัญหาความทับซ้อนในการจัดการแข่งขันกีฬา คณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติคือผู้ที่จะให้ความกระจ่างได้มากที่สุด
 
“ดังนั้น การที่หน่วยงานต่างๆ เสนอแผนการจัดกิจกรรมกีฬาให้ คกช. รับทราบและพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความทับซ้อน ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนากีฬาของชาติที่เป็นระบบและยั่งยืน” นายจำลองกล่าว
 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วุฒิสภาโล่งใจงบซีเกมส์-พาราฯคลี่คลาย ปัญหาลิขสิทธิ์จบแล้ว กกท.เดินหน้าเต็มสูบ

นายจำลอง อนันตสุข โฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งได้มีการติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และ อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วย นางสาวศมจรส มิ่งคำเลิศ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ กกท. ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์และนายยุทยา จีนหีต ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านเทคนิคกีฬา ทั้งหมดได้ร่วมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการฯ ในหลายประเด็นที่เป็นข้อกังวลอย่างครบถ้วน ทำให้ได้รับทราบสถานการณ์ที่เป็นจริงอย่างชัดเจน

กมธ.กีฬาวุฒิสภา ห่วงซีเกมส์เดินหน้าช้า แนะเร่งปลุกคนไทยให้ตื่นตัว

คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา วุฒิสภา แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการเตรียมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หลังพบว่าความคืบหน้าเป็นไปอย่างล่าช้า หากยังไร้ความชัดเจนอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ พร้อมแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งโหมโรงประชาสัมพันธ์ เพื่อปลุกกระแสและสร้างบรรยากาศให้คนไทยพร้อมเชียร์ทัพนักกีฬาในบ้านของตัวเอง

กมธ.ท่องเที่ยว-กีฬาวุฒิสภา ลงพื้นที่สุพรรณบุรี เยี่ยมนักกีฬาคนพิการทีมชาติ

นายจำลอง อนันตสุข สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานและโฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา พร้อมด้วยคณะอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษา ได้เดินทางไปยังศูนย์ฝึกกีฬาคนพิการแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อ ตรวจสอบความพร้อม ของนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย ซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขัน มหกรรมกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่จะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ที่จังหวัดนครราชสีมา