ททท.ชวนเที่ยวกรุงแบบกรีน ชมบรรยากาศสุดคลาสสิกเมืองบางกอก

ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร ชวนสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวกรีนทริป ลดมลพิษ ล่องคลองผดุงฯ ทอดน่องท่องกรุง ชิมของอร่อยตลาดนางเลิ้ง ในบรรยากาศคลาสสิกของเมืองบางกอกกับรถไฟฟ้าและเรือไฟฟ้า แวะกราบพระขอพรวัดเทวราชฯ ปิดท้ายด้วยการย้อนอดีตในพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย

นายชาญยุทธ เศวตสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงาน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ททท.ให้ความสำคัญและมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาโดยตลอด

เช่นเดียวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับการลดใช้พลังงาน โดยร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สนับสนุนการเดินทางไปท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ด้วยการใช้บริการรถไฟฟ้า เรือไฟฟ้า และยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งนอกจากเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังมีความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน อันเนื่องมาจากการใช้รถส่วนตัว และช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งยังช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร จึงได้จัดทำเส้นทางการท่องเที่ยว ล่องคลองผดุงฯ ทอดน่องท่องกรุง ขึ้นมา ในโอกาสที่กรุงเทพมหานครได้กลับมาเปิดให้บริการเดินเรือไฟฟ้าในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม  โดยเริ่มต้นจากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง  สิ้นสุดที่ท่าเรือตลาดเทวราช รวม 11 ท่า ใช้เวลาล่องเรือตลอดเส้นทางประมาณ 30 นาที เพื่อเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวกรีนทริป ที่มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดังนี้

สถานีรถไฟหัวลำโพง

การเดินทางเริ่มต้นจาก สถานีรถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง (ทางออก 2) เดินไปท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ระยะทาง 100 เมตร จากนั้นใช้บริการ ล่องเรือไฟฟ้า ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งมีบริการฟรีทุกวัน

สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ เปิดบริการเวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 16.00-19.00 น. ความถี่ในการออกเรือทุก 20 นาที

ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดบริการเวลา  08.00-19.00 น.

คลองผดุงกรุงเกษม

เส้นทางที่นั่งเรือไป คือ คลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นคลองที่มีการขุดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.2394 เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมและขยายเขตพระนครออกไป โดยเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาจากบริเวณสี่พระยามายังวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร โดยเรือจะสิ้นสุดระยะทางที่ท่าเรือตลาดเทวราช ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินต่อไปยังวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร โดยผ่านตลาดสดเทวราช ระยะทางประมาณ 500 เมตร

ท่าเรือตลาดเทวราช

วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร มีชื่อเดิมว่า "วัดสมอแครง" ผ่านการบูรณปฏิสังขรณ์มาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงรับเป็นพระอารามหลวงและพระราชทานนามนี้ ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ

กราบพระขอพรที่วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

 - พระอุโบสถ ประดิษฐาน “พระพุทธเทวราชปฏิมากร” พระประธานปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวารวดีที่มีความงดงามมาก ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังลายพื้นสีคราม สลับกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง พระภิกษุปลงอสุภกรรมฐานกับซากศพในสภาพต่างๆ ซึ่งแตกต่างไปจากวัดอื่น นอกจากนี้ เหนือช่องหน้าต่างยังมีภาพเขียนเล่าเหตุการณ์ตอนเหล่าเทพยดามาชุมนุมกัน  

ผู้ที่มาทำบุญนิยมถวาย "ผ้าไตร" แทนดอกไม้ธูปเทียน ด้วยเชื่อว่าความปรารถนาจะสัมฤทธิผล

- พระมณฑปจัตุรมุข ที่สร้างครอบพระอุโบสถเก่า ประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในจัดแสดงพุทธศิลป์ เช่น พระพุทธรูปโบราณ รอยพระพุทธบาทไม้ประดับมุก

พิพิธภัณฑ์สักทอง วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

- พิพิธภัณฑ์สักทอง ที่มีเสาไม้สักขนาด 2 คนโอบอายุเกือบ 500 ปี ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา และ หุ่นเหมือนสมเด็จพระสังฆราช แห่งกรุงรัตนโกสินทร์   ขนาดเท่าองค์จริง 19 พระองค์ จัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาเคารพสักการะ

เทพทันใจ วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

- องค์เทวราชเนรมิต หรือที่เรียกกันว่า เทพทันใจ ความสูงราว 1.50 เมตร เป็นองค์เทพประจำวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร   เชื่อกันว่าถ้าใครได้อธิษฐานขอพรจะสำเร็จสมปรารถนา จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในการมากราบไหว้ขอพรจำนวนมาก 

ท่าเรือนครสวรรค์

จากท่าตลาดเทวราช แวะขึ้นเรือที่ท่านครสวรรค์ เดินข้ามถนนเข้าสู่ ตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี เป็นแหล่งรวมอาหารคาวหวานและขนมโบราณที่มีชื่อเสียง  อาทิ ขนมหวานตำรับชาววัง ร้านนันทาขนมไทย รสมือจากต้นเครื่องวังหลัง ร้านขนมไทยป้าหงส์ หรือแม้แต่ของคาวที่ลือชื่อ เช่น ร้านรุ่งเรืองบะหมี่ บะหมี่สูตรโบราณแท้สืบทอดสูตรจีนฮกเกี้ยน มีดีที่เส้น ซุปเด่น ขึ้นชื่อด้วยบะหมี่ปูและบะหมี่ซี่โครงหมู และร้านบุญเลิศ บะหมี่เกี๊ยว หมูย่าง นอกจากนั้นยังมีเนื้อตุ๋น เย็นตาโฟ ของหากินยากอย่างไส้กรอกปลาแนม และอื่นๆ อีกมากมาย

ตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกเก่าแก่

ภายในตลาดนางเลิ้งยังมี ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์​ คู่กับศาลเทพเจ้าจีนที่ผู้คนนิยมมาสักการะ เป็นศาลที่สร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงาม ในบริเวณเดียวกันยังมี ศาลาเฉลิมธานี หรือโรงหนังนางเลิ้ง ซึ่งปิดซ่อมแซมอยู่ แต่พอมองเห็นได้จากภายนอก และถัดไปไม่ไกลเป็นที่ตั้งของวัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) สถานที่บรรจุอัฐิของมิตร ชัยบัญชา นักแสดงชื่อดังของไทยในอดีต

อาคารเก่ารอบตลาดนางเลิ้ง ทาสีพาสเทลสวยงาม

สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ พลาดไม่ได้กับการเดินเล่นย้อนวันวาน ชมตึกเก่า ถ่ายภาพคู่กับอาคารเก่ารอบตลาดนางเลิ้งที่ฉาบทาด้วยสีพาสเทลหวาน

ขนมไทยโบราณหากินยาก ตลาดนางเลิ้ง

เดินจากตลาดนางเลิ้งไปไม่ไกลนัก มีคาเฟ่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ชื่อ Buddha and Pals ตั้งอยู่ในตึกเก่าที่เป็นโฮสเทลชื่อ Kanvela House ภายในมีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลากหลายจุด และมีเครื่องดื่มไว้ให้บริการหลากหลายเมนู

Kanvela House คาเฟ่ย่านตลาดนางเลิ้ง

ก่อนจะกลับบ้านขอปิดทริปด้วยการย้อนอดีตที่หัวลำโพง จากท่าเรือนครสวรรค์ เราจะเดินทางกลับมาถึงต้นทางท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งสามารถเดินเที่ยวเล่นและถ่ายภาพความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมของ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตามแบบ Renaissance Revival และย้อนวันวานไปกับ พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ที่เก็บรวบรวมภาพและสิ่งของของการรถไฟฯ  ที่เราคุ้นเคยในวัยเด็ก อาทิ โปสเตอร์เตือนระวังภัยในการเดินรถไฟ และมุมจำลองบรรยากาศเหมือนอยู่บนรถไฟ ให้ได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย

ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในกิจการเดินรถไฟและกิจการโรงแรมรถไฟ ซึ่งเป็นของเก่า ทั้งที่มีการใช้งานและบางส่วนเลิกใช้งานแล้ว เช่น จานและโถกระเบื้องในสมัยรัชกาลที่ 5, เครื่องตราทางสะดวก, ลูกตราและห่วงตราทางสะดวก, ตั๋วรถไฟแข็ง, อุปกรณ์ในการประทับวันที่ลงบนตั๋ว, โคมตะเกียงให้สัญญาณ, เครื่องส่งโทรเลข, เครื่องพิมพ์ดีด, นาฬิกาไขลาน, โทรศัพท์แบบหมุน  ตลอดจนม้านั่งที่ทำจากไม้หมอนปลดระวาง   เป็นต้น 

บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย

นอกจากนั้น ยังจำหน่ายของที่ระลึกให้กับผู้ที่สนใจในการสะสมหรือมอบเป็นของขวัญของฝากในวาระต่าง ๆ เช่น กรอบรูป ตั๋วรถไฟ เสื้อยืด หมวก กระเป๋า แม่เหล็กติดตู้เย็น กล่องใส่นามบัตร พวงกุญแจ ที่ทับกระดาษ และอื่นๆ อีกมากมาย นับเป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่ชวนให้คิดถึงการเดินทางด้วยรถไฟไทยในวัยเด็ก ที่นี่เปิดให้ชมฟรีทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

บรรยากาศภายในเรือไฟฟ้า

ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อว่า การเดินทางท่องเที่ยว กทม. ตามเส้นทางกรีนทริปแบบนี้ นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่เพลิดเพลิน สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกวัน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว การโดยสารรถไฟฟ้าและเรือไฟฟ้ายังมีส่วนช่วยกันลดมลภาวะจากการเดินทาง ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กรุงเทพมหานครอีกด้วย

สอบถามข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage : ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร TAT Bangkok Office โทร. 0-2410-3797-9 หรือ โทร. 1672 Travel Buddy

สรณะ รายงาน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ควง 'ภริยา' เดินตลาดเช้าหัวหิน คุยสงกรานต์ปีนี้คึกคัก

“เศรษฐา“ ควง “ภริยา” เดินตลาดเช้าหัวหิน ใส่บาตรพระ โอ่ สงกรานต์เศรษฐกิจคึกคัก ลั่น ปีหน้าดีกว่านี้ ย้ำไตรมาส4 ได้เงินหมื่นแน่ พร้อมโพสต์ ฝากปชช. ให้ความรักเวลาคนในครอบครัว