'ศิธา' เปิดนโยบายให้ชุมชนกำหนดงบเอง มีอำนาจเลื่อน ลด ปลด ย้ายข้าราชการกทม.

"ไทยสร้างไทย" ร่ายยาวนโยบายเพื่อชาวกทม. พร้อมจัดงบตรงใจตรงถึงประชาชน ดันหลักสูตรการเรียนให้ทันโลกสมัยใหม่ ช่วยเหลือ หาบเร่แผงลอย

5 เม.ย.2565 - น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่ากทม. พรรคไทยสร้างไทย ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นนโยบายพื้นที่อาหารของเมือง ในเวที ปากท้องของคนกรุง ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ตอนหนึ่งว่า แนวทางที่ภาครัฐ หรือ กทม.จะจ่ายงบประมาณไปให้ตรงใจประชาชน โดยพรรคไทยสร้างไทยมีนโยบาย งบตรงใจ แก้ปัญหาวิธีคิดของระบบราชการที่จัดงบประมาณและจัดโครงการไม่ตรงความต้องการของแต่ละพื้นที่ โดยจะใช้ระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่มาบริหารจัดการที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการบริหารงบประมาณ มีการยืนยันตัวตนว่า อยู่ในพื้นที่จริงหรือไม่ อยู่ในกลุ่มไหน และต้องการการพัฒนาหรือการสนับสนุนในเรื่องใด ชุมชนจะกำหนดงบประมาณของตัวเองที่จะใช้ในพื้นที่

ตลอดจนมีอำนาจในการ เลื่อน ลด ปลด ย้ายข้าราชการ กทม. พร้อมกันนี้ต้องเปลี่ยนกรอบความคิด (Mindset)ราชการกทม.ทุกระดับ ที่ต้องเป็นข้ารับใช้ประชาชน เพราะกินเงินเดือนกินภาษีของประชาชน ต้องทำงานให้ถูกใจประชาชน และประชาชนจะบอกเองว่าใครสมควรอยู่ตรงตำแหน่งไหนนั้นประชาชนจะมีส่วนร่วมกำหนด ส่วนตัวเชื่อว่า ข้าราชการ กทม. 90% ต้องการเป็นข้าของแผ่นดิน ข้ารับใช้ประชาชนที่แท้จริงและต้องการที่จะเจริญในหน้าที่การงานของเขาโดยที่ไม่พึ่งระบบอุปถัมภ์มาสนับสนุน

น.ต.ศิธา ยืนยันว่า การผลักดันเรื่องอาหาร ที่เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของผู้มีรายได้น้อยว่า ถ้าได้เข้าไปเป็นผู้ว่า กทม.อันดับแรกในการช่วยเหลือคือ หาบเร่แผงลอย ที่จุดแข็งของประเทศไทย คือ สตรีทฟู้ด ที่ต้องรักษาเอาไว้เพราะเป็นเอกลักษณ์ที่นำสู่รายได้ จะทำให้เจ้าหน้าที่เทศกิจเป็นมิตรกับพ่อค้าแม่ขาย จะไม่ใช่ผู้คอยตรวจสอบและจับผิด แต่ต้องอำนวยความสะดวกให้สามารถค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย สิ่งแรกที่จะทำคือ ให้ทุกเขตเสนอเข้ามาว่า แต่ละพื้นที่มีผู้ค้าอยู่เท่าไหร่และจำนวนที่เหมาะสมคือเท่าใด หากมีคู่ค้ามีจำนวนมากเกินความเหมาะสม ต้องมีพื้นที่อื่นรองรับให้

สำหรับการใช้พื้นที่ว่างเปล่าทั้งของกทม.และเอกชน เพื่อผลิตอาหารหรือปลูกผักสวนครัวนั้น มีแนวทางให้ชาวชุมชนในแต่ละเขตบริโภคและจำหน่ายหรือแนวทาง 'ผักปลอดสาร อาหารปลอดภัย' ที่ตัวแทนชุมชนเสนอ รวมทั้งใช้เป็นพื้นที่สันทนาการ สวนสาธารณะและออกกำลังกาย

น.ต.ศิธากล่าวว่า การขอความร่วมมือหน่วยงานของรัฐไม่ยาก ซึ่งสามารถระดมทุนจากภาคเอกชนมาร่วมดำเนินการได้และตนเคยทำสำเร็จมาแล้ว ในการสร้างสนามจักรยานที่ดีที่สุดติด 1 ใน 3 ของโลก ระยะทางเส้นทาง 23.5 กิโลเมตร ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนที่ดินของเอกชนก็ใช้กฎหมายเข้าไปช่วยโดยเฉพาะมาตรการภาษี ซึ่งจะประสานกับ NGO นักพัฒนาชุมชนต่างๆที่มีความรู้และทำงานด้านที่เกี่ยวข้อง มาเสนอโครงการ เพื่อให้แต่ละชุมชนหรือแต่ละเขต มีพื้นที่ปลูกผักของตัวเองครอบครัวละ 1-2 แปลงตามความพร้อม หากผู้ที่ไม่ปลูกหรือผู้มีรายได้ ต้องการผักปลอดสารพิษก็สามารถซื้อหาได้ในราคาถูกและใกล้บ้านเป็นโครงการเรียก from farm to table จากที่ปลูกถึงโต๊ะอาหาร

เรื่องที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในชุมชนแออัด ที่เมื่อมีการไล่รื้อเวนคืน มักย้ายชาวชุมชนไปอยู่ที่ห่างไกลจากที่ทำงานหรือให้ไปอยู่บนแฟลต แต่ท้ายที่สุดก็ต้องกลับมาอยู่เพิ่งพักในชุมชน เพราะไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและอาชีพ ดังนั้น การจัดที่อยู่อาศัยจัดสรร ต้องให้อยู่ใกล้ที่ทำงานและสอดคล้องกับอาชีพชาวชุมชนแต่ละแห่งด้วย

ส่วนด้านการศึกษา โรงเรียนที่ดีที่สุดคือโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยทำให้โรงเรียนทุกแห่งมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งทางโภชนาการและความรู้ มีการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกลับโลกสมัยใหม่รวมถึงมีนักโภชนาการตรวจสอบคุณภาพอาหารกลางวัน ไม่ใช่การเสนอเชิงอุดมคติ เหมือนกับผู้ว่ากทม.ที่ผ่านๆมา ที่ต้องการความเป็นเลิศทางวิชาการแบบเลื่อนลอยเท่านั้น เพราะยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่ ทั้งในเรื่องโอกาสและมาตรฐานของสถาบันแต่ละแห่ง จึงต้องสร้างโรงเรียนทุกอย่างให้มีมาตรฐานทัดเทียมกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุทิน' ร่ายยาวครั้งแรกหลังมีชื่อพ้นครม. แจงดราม่า 'ทักษิณ' เมินมาลัย

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพอใจผลงาน 6-7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี

นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ไชยา' ลั่นปรับครม.กี่ครั้งก็ตาม ก.เกษตรฯต้องอยู่กับเพื่อไทย

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออก ว่าตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่

'เศรษฐา' เผยไต๋นั่งควบกลาโหม ทุกอย่างมีโอกาสขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในที่ประชุมได้มีรัฐมนตรีซักถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มีใครถามอะไรเลย ทุกคนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง