13 เม.ย.2565 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค" โดยมีรายละเอียดดังนี้
หยุด "แหกปาก" สร้างวาทกรรม "แหกตา" ประชาชน
การทำรัฐประหารผิด แล้วนักการเมืองที่ฉ้อฉลไม่มีความผิดหรือ?
การทำรัฐประหารผิดกฎหมายหรือไม่และทำอย่างไรให้ไทยปราศจากรัฐประหาร
มาดูกัน...
............................................................................
ทำไมกลุ่มคนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลถึงเรียงหน้าออกมาปกป้อง สส.พรรครัฐบาลที่ถูกศาลติดสินประหารชีวิตทางการเมือง?
หรือเพราะพวกเขารู้ดีแก่ใจว่า นักการเมืองฝ่ายตน ซึ่งมีกระทำผิดคล้ายๆ กัน จะเป็นรายต่อๆ ไป !
............................................................................
การทำรัฐประหารผิด แล้วนักการเมืองที่ฉ้อฉลไม่มีความผิดหรือ?
ข้อเท็จจริงของการเกิดรัฐประหารคือ เกิดการทุจริตคอรัปชั่นและการฉ้อฉลของหัวหน้ารัฐบาลหรือนักการเมืองในฝ่ายรัฐบาลอย่างหนักจนถึงทางตัน มิใช่หรือ
การจะหยุดรัฐประหารง่ายนิดเดียว คือหยุดนักการเมืองโกงชาติให้ได้
ไม่มีนักการเมืองโกงชาติ ก็ไม่มีรัฐประหาร
............................................................................
การปฏิวัติ (revolution)
หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง อุดมการณ์ทางการเมือง วัฒนธรรม วิถีชีวิต ระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อทางศาสนา และระบบสังคมโดยรวม
............................................................................
การรัฐประหาร (coup d’état)
มาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่”การเปลี่ยนตัวหัวหน้ารัฐบาล” หรือผู้ปกครองประเทศ แล้วจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่ภายใต้ผู้ก่อการรัฐประหารขึ้นมา โดยที่รูปแบบการปกครองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด มีแต่ตัวผู้นำและคณะผู้นำเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับกำหนดมาตรา 113 เอาไว้ว่า
ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”
แต่ในทางปฏิบัติ ศาลฎีกาไทยตีความว่า รัฐประหารมิได้ขัดต่อกฎหมาย เพราะ "กฎหมายคือคำสั่งคำบัญชาของรัฏฐาธิปัตย์"
............................................................................
รัฏฐาธิปัตย์ คืออะไร
ตามความหมายในระบบการเมืองการปกครองของไทย รัฏฐาธิปัตย์ คือ ผู้มีอำนาจสูงสุด
ด้านรัฐศาสตร์ คำว่า รัฏฐาธิปัตย์ (Sovereignty) หมายถึง อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐ
ด้านนิติศาสตร์ คำว่า รัฏฐาธิปัตย์ (Sovereignty) หมายถึง ผู้ทำให้เกิดกฎหมาย เช่นการรัฐประหารในหลายครั้งที่ผ่านมาของไทย นักวิชาการด้านกฎหมายอธิบายว่าคณะรัฐประหารคือรัฏฐาธิปัตย์ ย่อมมีอำนาจสูงสุด แม้แต่ศาลก็มิอาจก้าวล่วงไปพิจารณาพิพากษาเอาผิดแก่คณะรัฐประหารได้
สรุป
รัฏฐาธิปัตย์ คือผู้มีอำนาจอธิปไตย
อำนาจอธิปไตย คืออำนาจสูงสุดในทางการเมืองที่ไม่มีฐานะอำนาจอื่นอยู่เหนือกว่าอำนาจนี้
............................................................................
การกบฏหรือขบถ (rebellion) นั้น หมายถึงการที่กลุ่มคนพยายามทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารแต่กระทำไปไม่สำเร็จ จึงได้ชื่อว่าเป็นกบฏ
............................................................................
สรุป ด้วยภาษาชาวบ้านคือ
การทำปฏิวัติหรือรัฐประหาร
ถ้าทำสำเร็จ คณะปฏิวัติหรือคณะรัฐประหาร จะเป็น “รัฏฐาธิปัตย์”
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ คณะรัฐประหาร จะเป็น”กบฏ”
กบฏ เท่านั้นที่จะถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินลงโทษตามมาตรา 113
นี่คือกติกาสากล
ใครจะกล่าวหาว่า รัฏฐาธิปัตย์ ทำผิดกฎหมายและเป็น กบฏ ไม่ได้
............................................................................
ผมไม่ได้เป็นพวกนิยมนรัฐประหาร แต่ผมเป็นฝ่ายประชาชนที่สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
เราต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าปัจจุบัน รัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่รัฐบาลทหาร และไม่ใช่รัฐบาลของคณะรัฐประหาร คสช.
การที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอ้างถึงรัฐบาลเผด็จอยู่ตลอดเวลา เป็นการสร้างวาทะทางการเมือง เพื่อหวังผลทางการเมือง
............................................................................
ถ้าไม่ชอบการทำรัฐประหาร แล้วเราจะป้องไม่ให้มีการทำรัฐประหารได้อย่างไร ?
คำตอบคือ
ไม่ใช่การไปมุ่งเป้าจำกัดพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ เพราะพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองและอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแล้ว
และไม่ใช่ความพยายามที่จะยกเลิก ม.112 เพราะ ม.112 คือกฎหมายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ
แต่การที่จะทำให้ประเทศไทยปราศจากการทำรัฐประหาร ต้องเริ่มต้นจากการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกับปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้ถูกต้อง
เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มีความรู้ความเข้าใจในการเลือกผู้แทนราษฏรที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพและคุณธรรม เข้าไปทำหน้าบริหารประเทศ
ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือการได้ผู้แทนฯ ที่ทำหน้าที่ในสภาและผู้บริหารในรัฐบาล ที่ซื่อสัตย์สุจริต
เพราะข้ออ้างทุกครั้งของคณะรัฐประหารคือ การทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองในรัฐบาล
สรุปสั้นๆ ได้ว่า...
ถ้าไม่ต้องการรัฐประหาร
1 ต้องเลือกนักการเมืองที่ดีเข้าสู่สภา
2 การที่จะได้นักการเมืองที่ดีเข้าสู่สภาได้ ประชาชนต้องรู้ทันนักการเมือง
3 การจะรู้ทันนักการเมืองได้ ประชาชนต้องมีความรู้และความเข้าใจในระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างถูกต้อง
เพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญอยู่ที่การให้ความรู้และความเข้าใจ"ที่ถูกต้อง"เกี่ยวกับระบอบการปกครองกับประชาชนผู้ซึ่งถืออำนาจอธิปไตยอยู่ในมือ
............................................................................
ไม่ใช่เป็นอาจารย์เป็นนักวิชาการทางด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือเป็นนักการเมืองแล้วบิดเบือนข้อเท็จจริง สอนและบอกกล่าวแต่สิ่งที่ผิดเพี้ยนเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองหรือพวกพ้อง ดังเช่นทำกันอยู่ทุกวันนี้
มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย อเมริกาและออสเตรเลีย สอนท่านมาอย่างไร หรือเขาสอนสิ่งที่ถูกต้องให้กับท่านแล้ว แต่เป็นที่ตัวท่านเองที่แนวความคิดที่ผิดเพี้ยน
............................................................................
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล ‘คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล’ พบได้ไม่บ่อย
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุพบไม่บ่อย กรณีโพลสะท้อนกระแสการเมือง “คนกรุง” เกือบครึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร-พรรคใด เชื่อจุดตัดสำคัญอยู่
ดร.กิตติธัช สอนพวกเท้าราน้ำ 'การทำลายให้สิ้นสภาพ' ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา
นักวิชการ อธิบายชัดการทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา หรือทำลายกองทัพกัมพูชาแบบเบ็ดเสร็จ
ยกเลิก MOU 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร-นักวิชาการ' สะท้อนต่างมุม
วงเสวนาไทย–กัมพูชาสะท้อนต่างมุม “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” ชี้ปัญหาเขตแดนเป็นมรดกยุคอาณานิคม ย้ำ MOU คือกลไกแก้ปัญหาที่สั่งสมกว่า 20 ปี ขณะที่ “สว.ชิบ” เปิด 8 เหตุผล กมธ.วุฒิสภา หนุนยกเลิก MOU 2544 ป้องกันไทยเสียผลประโยชน์ทางทะเล
นักวิชาการ มธ. มองเลือกตั้งหน้า ‘พรรคประชาชน’ โดดเดี่ยว อำนาจต่อรองไหลกลับเพื่อไทย
นักวิชาการธรรมศาสตร์วิเคราะห์ผลจากการยุบสภา ชี้สมการการเมืองหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มทำให้พรรคประชาชนโดดเดี่ยว สูญเสียอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บทบาทต่อรองมีโอกาสไหลกลับไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางการแข่งขันของการเมือง 3 ขั้ว
ยังไม่ใช่เวลาเจรจาสันติภาพ นักวิชาการ มธ. ชี้ต้องปกป้องอธิปไตยก่อน แนะวิธีสื่อสารเชิงรุกสู้กัมพูชา
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยเจรจาสันติภาพกับกัมพูชา แต่ปลายทางคือต้องเจรจาบนโต๊ะ ชี้ไทยต้องปกป้องอธิปไตยไปจนสถานการณ์กลับสู่ปกติก่อนแล้ว
นักวิชาการ มธ. หนุนเพิ่มสมทบประกันสังคม แนะรัฐลดภาษีช่วยผู้ประกอบการ
นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยปรับเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ระบุต้องแยกส่วนระหว่าง “ประสิทธิภาพในการบริหาร-การเพิ่มเงินสมทบ” เพราะสองเรื่องพัฒนาไปพร้อมกัน

