'วิโรจน์' ชูนโยบายเด็ด ใช้งบกลาง-เก็บภาษีที่ดิน เพิ่มเงินผู้สูงอายุเป็น 1 พันบาท

26 เม.ย.2565 - นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมผู้สมัคร ส.ก.เขตจตุจักร มาร์ท อภิวัฒน์ ด่านศรีชาญชัย เบอร์ 4 เดินหน้าแนะนำตัวหาเสียงกับพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดบางเขนและพื้นที่ใกล้เคียง ระหว่างการลงพื้นที่ ทั้งคู่ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างคึกคัก สะท้อนความต้องการอยากเลือกตั้งผู้ว่าฯ ครั้งแรกในรอบ 9 ปีของคน กทม. ด้านวิโรจน์​ กล่าวว่า​ คนส่วนใหญ่ในเขตจตุจักร รู้จักมาร์ทในฐานะคนทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโควิด มาร์ททำงานอย่างหนักช่วยเหลือคนจตุจักรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนี่จะเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ผู้สมัคร ส.ก.เขตนี้จะสามารถคว้าชัยชนะในพื้นที่นี้ได้

นายวิโรจน์​ กล่าวอีกว่า​ ให้เขตจตุจักรเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอีกเขต เนื่องจากมีคนหลากหลายอาชีพ ประชากรมีรายได้หลายระดับ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและอุดหนุนสวัสดิการคนเมือง วิโรจน์ให้ความเห็นเพิ่มเกี่ยวกับเขตจตุจักรว่า ตนกังวลเรื่องการเข้าถึงสาธารณสุขและการจัดการขยะในพื้นที่เขต เพราะช่วงโควิดที่ผ่านมา คนจตุจักรจำนวนไม่น้อยเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข ทำให้ตนต้องออกนโยบายด้านสาธารณสุขขึ้นมาปิดช่องโหว่ปัญหานี้ ซึ่งก็คือนโยบาย "วัคซีนฟรีจากภาษีประชาชน" ที่เน้นการให้บริการฟรี วัคซีนปอดอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และพร้อมเปลี่ยนศูนย์สาธารณสุข กทม. เป็นศูนย์ฟรีวัคซีน

ส่วนปัญหาเรื่องการเก็บขยะของพื้นที่ก็เป็นอีกข้อจำกัดหนึ่ง เขตจตุจักรมีตลาดสดจำนวนมาก การจัดการขยะอย่างสม่ำเสมอและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ซึ่งที่แล้วมาตนพูดถึงแนวทางการเก็บขยะที่เหลื่อมล้ำกัน สองมาตรฐาน ระหว่างประชาชนและทุนใหญ่ ทุนห้างสรรพสินค้าเสมอ รถขยะ กทม. เก็บขยะห้างวันละสองครั้งทุกวันไม่หยุด แต่กลับเก็บขยะหน้าบ้านประชาชนล่าช้า ซึ่งตนเห็นว่า กทม.ต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากกว่าการรับใช้นายทุนห้างสรรพสินค้า

ต่อเนื่องจากพื้นที่เขตจตุจักร วิโรจน์ เดินทางถึงชุมชนตึกแดง เขตบางซื่อ ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง (มอเตอร์ไซค์วิน) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการกระจายรายได้และสนับสนุนประชาชนคนตัวเล็กในพื้นที่ จากนั้นร่วมเดินพบปะประชาชนกับ เนอส ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางซื่อ เบอร์ 3 เดินหาเสียงพร้อมสื่อสารนโยบายสวัสดิการคนเมือง ระหว่างการหาเสียงมีผู้สูงอายุจำนวนมากให้ความสนใจนโยบายสวัสดิการคนเมือง ที่จะช่วยเติมเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุเพิ่มอีกคนละ 400 บาท เป็น 1,000 บาท โดยใช้งบกลางของกทม. รวมถึงรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดิน

นายวิโรจน์​ กล่าวว่า นโยบายสวัสดิการคนเมืองที่จะอุดหนุนผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ เป็นนโยบายที่ทำได้ทันทีใน 100 วันแรกของการเป็นผู้ว่าฯ ไม่ต้องรอ ยิ่งเดินเข้าชุมชน ก็ยิ่งได้เห็นภาพเศรษฐกิจซบเซา ยิ่งต้องเร่งกระจายสวัสดิการให้กับคนกรุงเทพ นอกจากนี้มีเจ้าของร้านโชว์ห่วยหลายรายในชุมชนเดินเข้ามาพูดคุยและแสดงความเห็นว่าต้องการให้ผู้ว่าฯ ช่วยฟื้นเศรษฐกิจและช่วยเรื่องความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

นายวิโรจน์​ กล่าวเพิ่มเติม​ว่า​ ช่วงโค้งสุดท้ายจะเน้นสื่อสารนโยบายที่ทำได้จริงเป็นหมัดเด็ด หมัดฮุกทำให้ประชาชนหันมาเลือกตนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะแนวทางการชูรัฐสวัสดิการ และนโยบายงบประมาณที่คนกรุงเทพเลือกเองได้ ซึ่งนโยบายหลักเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาปัญหาและภาระด้านการเงินของคนกรุงเทพ และสามารถคืนความเป็นธรรมให้ผู้คน ไปพร้อมๆ กับการสร้างเมืองที่ทุกคนเท่ากันได้

"การที่ผู้ว่าฯกทม.คนที่ผ่านมา มักเกรงใจผู้รับเหมา นายทุน ทำให้ไม่มีการตัดสินใจเพื่อประชาชน เน้นตัดสินใจอยู่บนฐานของผลประโยชน์กลุ่มทุนและความสัมพันธ์ที่ไม่มียึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งผมเชื่อว่า หากได้มีโอกาสเป็นผู้ว่าฯกทม. นอกจากจะพร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพตามสโลแกนที่ว่าไว้แล้ว ยังจะเน้นการทำงานเชิงรุก เน้นผลประโยชน์ประชาชน"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดฟังคำสั่ง 'ก้าวไกล' ฟ้อง 'กกต.' 2 มาตรฐาน ปมยุบพรรค

ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำสั่งในคดีที่ เรือเอก ย. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณกรรมการการเลือกตั้งทั้ง6 เเละเลขาฯกกต.กับพวกรวม 7 คน คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 58/2567 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ประกอบมาตรา83

กกต.ย้ำไม่ได้เร่งยุบก้าวไกลแต่ส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ศาล รธน.แล้วตั้งแต่ 25 มี.ค.

กกต.แจง ส่งเอกสาร ยื่นยุบก้าวไกล เพิ่มเติมถึงศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว ส่วนคำร้องยุบภูมิใจไทยเป็นคนรับประเด็น

กกต.ได้เอกสาร 44 สส.ก้าวไกลลงชื่อแก้ 112 ส่งศาลรธน.พิจารณายุบพรรคแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญยังไม่พิจารณาคำร้องยุบพรรคก้าวไกลเนื่องจากมีเอกสารบางรายการที่กกต.ส่งไปไม่ชัดเจนและมีคำสั่งให้กกต. ส่งเอกสารที่ชัดเจนให้กับศาลรัฐธรรมนูญภายใน