มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ เนื่องในวันผู้สูญหายสากล จี้รัฐต้องกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำให้บุคคลสูญหายอีกต่อไป
31 ส.ค.2565 - มูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF) ออกแถลงการณ์ เนื่องในโอกาส วันผู้สูญหายสากล ในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ที่ประชาชนทั่วโลกและประชาชนไทยได้รำลึกและยืนยันเพื่อให้เกิดความตระหนักว่า การบังคับให้บุคคลสูญหายเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ที่ยังคงคุกคามสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนไทยตลอดมา นับแต่การหายไปของ อิหม่ามหะยีสุหลง บุตรชายและผู้ติดตาม รวมสี่คน ซึ่งคณะกรรมการค้นหาความจริงที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางการไทย ได้ทำรายงานที่เชื่อได้ว่า ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำให้สูญหายไป เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2497 หรือ เมื่อ 68 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีการร้องเรียนต่อองค์การสหประชาชาติว่า มีบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าไทยทำให้สูญหายไปกว่า 75 ราย ขณะที่ประเทศไทยไม่มีการรวบรวมสถิติอย่างเป็นทางการและประชาชนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม จึงน่าเชื่อได้ว่ามีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ทำให้สูญหายไปอีกจำนวนมาก โดยที่ญาติพี่น้องไม่ได้แจ้งความหรือร้องเรียนต่อทางการไทยหรือองค์การสหประชาชาติ
.
ที่ผ่านมา การบังคับให้บุคคลสูญหายไม่เป็นความผิดทางอาญาตามกฎหมายไทย และไม่เคยมีการนำเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งครอบครัวของผู้สูญหาย ญาติพี่น้อง เพื่อน และชุมชนของเขา รวมทั้งสังคมไม่เคยได้รับรู้ถึงชะตากรรมของผู้สูญหายเหล่านั้น จนกระทั่ง ต่อมาเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา รัฐสภาไทย ได้ผ่านความเห็นชอบ (ร่าง) พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.... ซึ่งจะมีผลทำให้การกระทำโดยเจ้าหน้าที่ หรือโดยผู้ที่ได้รับการแต่งตั้ง อนุญาต สนับสนุน หรือยอมรับโดยตรงหรือโดยปริยายจากเจ้าหน้าที่รัฐ ในการกระทำการทรมาน คือการกระทำต่อบุคคลให้ได้รับความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงต่อร่างกายหรือจิตใจ การลงโทษหรือกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการกระทำให้บุคคลสูญหายไปโดยไม่ทราบชะตากรรมเป็นความผิดอาญาร้ายแรง โดยกฎหมาย โดยจะมีผลบังคับ 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
.
ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ฉบับนี้ รัฐมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิผล สมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ทั้งในด้านการป้องกันและปราบปราม การทรมาน การลงโทษหรือกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการกระทำให้บุคคลสูญหาย การชดเชยเยียวยาผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนั้น เนื่องในโอกาสวันผู้สูญหายสากลนี้ จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชน องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและระหว่างประเทศประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ....จนผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
.
เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ขอให้เร่งรัดการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว
.
2. ขอให้เผยแพร่ ฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่รัฐ ในหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม ควบคุมตัว ด้วยวิธีการต่างๆ การสอบสวน ซักถามหรือดำเนิน “กรรมวิธี” รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมให้มีความรู้ ความเข้าใจบทบัญญัติของกฎหมายฉบับนี้ และจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้สามารถใช้กฎหมายได้อย่างเที่ยงธรรมและมีประสิทธิภาพ
.
3. เผยแพร่ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย เพื่อให้ตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตน ในการสอดส่องดูแลป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่กระทำผิด สนับสนุนและช่วยเหลือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวน สอบสวนการกระทำผิดที่เกิดขึ้น
.
4. จัดทำร่างอนุบัญญัติต่างๆ กฎ ระเบียบ นโยบายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานและการบริหารงานยุติธรรม โดยเฉพาะกฎ ระเบียบ มาตรการเพื่อป้องกันการกระทำผิด การสืบสวน สอบสวนเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิด การคุ้มครองประชาชนที่แจ้งเบาะแสการกระทำผิดและพยาน โดยขอให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้เสียหาย เพื่อปรับปรุงร่างอนุบัญญัติ และกฎระเบียบดังกล่าว ก่อนการอนุมัติเห็นชอบเพื่อนำไปใช้ต่อไป
.
5. กำหนดมาตรการในการอำนวยความยุติธรรม การคุ้มครอง ช่วยเหลือ ฟื้นฟูเยียวยาครอบครัวของผู้ถูกกระทำให้สูญหายทั้งด้านสังคมและจิตใจ โดยพยายามฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งขอให้กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการให้ผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้สูญหาย มีสิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทนตาม พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ด้วย
.
6. ขอให้ดำเนินการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced disappearance : CED) โดยทันทีเมื่อกฎหมายมีผลบังคับ ตามที่รัฐไทยได้ให้คำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาคมระหว่างประเทศตั้งแต่ปีพ.ศ.2554
.
สุดท้ายนี้ ขอเรียกร้องให้ประชาชน องค์การภาคประชาสังคม เจ้าหน้าที่รัฐ และสื่อมวลชน ช่วยกันเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจกฎหมายนี้อย่างกว้างขวาง สอดส่อง เป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำผิด เพื่อไม่ให้มีการกระทำให้บุคคลสูญหาย อีกต่อไป
.
แถลงมา ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯหนู' คิกออฟ ยุติความรุนแรงสตรี ยับยั้งก่อนเกิดเหตุจริง
นายกฯ Kick off นโยบายยุติความรุนแรงสตรี พร้อมทำงานเชิงรุก สร้างความปลอดภัย รับบทบาทผู้หญิงพลังสำคัญของประเทศ
'ดร.ปิติ' ชง 10 ประเด็น จุดยืนไทย ให้นายกฯ ไปพูดในเวทีประชาคมนานาชาติ
รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ 10 ประเด็นจุดยืนไทยในเวทีประชาคมนานาชาติ มีเนื้อหาดังนี้
'พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล' ออกโรงช่วย ก.ต่างประเทศ ประจานกัมพูชาลวงโลกไทยใช้อาวุธเคมี
“พระองค์เจ้าเฉลิมศึก” ออกโรง รำคาญกัมพูชาโกหกไม่เลิก บิดเบือนไทยใช้อาวุธเคมีในเวทีโลก แฉมีขบวนการตามจิกไทยต่อเนื่อง แจงยิบขั้นตอนฟ้อง OPCW แต่ไม่ทำ เสนอตัวแจงเวทีโลกให้
'มูลนิธิผสานวัฒนธรรม' ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรงชายแดนใต้ จี้ยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกแถลงการณ์ กรณีความรุนแรงต่อพลเรือนในจังหวัดชายแดนใต้ ระบุว่า ทุกฝ่ายต้องเคารพหลักสิทธิมนุษยชน มนุษยธรรม และยุติความขัดแย้งโดยแนวทางสันติวิธี
'กสม.' ตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกทหารใหม่กองทัพเรือ เน้นย้ำไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
'กสม.' เน้นย้ำการฝึกทหารที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกทหารใหม่กองทัพเรือ ชื่นชมกองทัพในมาตรการป้องกันการซ้อมทรมานทหารเกณฑ์
'อังคณา' เปิดจม.'อุยกูร์' กลัวส่งกลับจีนแล้วเข้าคุก-ถูกฆ่า ซัดไทยให้ข้อมูลเท็จ กังขาดีลลับจีน
'สว.อังคณา' ไม่เชื่อ รบ.ส่ง 'อุยกูร์' กลับจีน จะได้รับการดูแลอย่างดี ถาม นายกฯ ไปดีลอะไรกับจีนไว้ ซัด 'เลขา สมช. – หน่วยงานเกี่ยวข้อง' ให้ข้อมูลเท็จ กมธ.พัฒนาการเมือง สว. บอกเองไม่มีแผนส่งกลับ ห่วงรัฐบาลถูกประท้วงในหลายประเทศ ฝาก 'ทวี' ถ้าให้ช่วยก็ยินดี พร้อมเปิดจดหมาย 'อุยกูร์' แอบส่งจากห้องกัก ขอประสาน UNHCR กลัวส่งกลับจีนแล้วเข้าคุก-ถูกฆ่า


