งามหน้า! วัฒนธรรมจังหวัดอยุธยา ถูกจับคาโต๊ะ เบิกงบจัดงานบวงสรวง เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง

ก.ย.2565 - นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มอบหมายให้ นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษเข้าปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) วางแผนเพื่อทำการจับกุมวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากได้รับแจ้งเบาะแส กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนครศรีอยุธยา ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้จัดทำโครงการจัดพิธีกรรมทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 ส.ค.ซึ่งใช้เงินงบประมาณของสำนักงานวัฒนธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในจำนวน 80,000 บาท 

โดยงจุรีพร ขันตี ตำแหน่งวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อนุมัติให้จัดทำโครงการจัดพิธีกรรมทางศาสนาพิธีบวงสรวงเทพยดาผู้รักษาเครื่องเกียรติยศประกอบศพ ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ในวันที่ 23 ส.ค.65 ซึ่งใช้เงินงบประมาณของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในจำนวน 80,000 บาท

โดยนางจุรีพรได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ทำเรื่อง สัญญาว่าจ้าง กับผู้รับจ้างจัดงานโครงการดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,000 บาท แต่ไม่ได้มีการว่าจ้างกันจริง เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ได้เป็นผู้จัดหาหรือจัดทำตามรายการใบเสนอราคา และใบสั่งจ้างของ สำนักงานวัฒนธรรมฯ แต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมฯเป็นผู้ทำเอกสารการว่าจ้างมาเองทั้งหมดให้ ผู้รับจ้าง ลงชื่ออย่างเดียว 

และเมื่อถึงวันที่ 6 ก.ย.65 เงินงบประมาณโครงการดังกล่าวโอนเข้ามา 80,000 บาท ผู้รับจ้างจึงให้เจ้าหน้าที่การเงินทำฎีกา เบิกเงิน โดยให้โอนเงินค่าจ้าง 80,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารของผู้รับจ้าง

ต่อมานางจุรีพรได้สั่งการผ่านลูกน้องคนสนิทโทรศัพท์มาสั่งให้ผู้แจ้งไปบอกให้ ผู้รับจ้าง ทำการถอนเงินสดจำนวน 80,000 บาท ออกมา เพื่อจะนำไปมอบให้นางจุรีพร ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 7 ก.ย.65 ซึ่งผู้แจ้งเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดินไปโดยมิชอบ และ นางจุรีพร เคยมีพฤติกรรม ทุจริตในลักษณะดังกล่าวหลายครั้งแล้ว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ 

จนกระทั่งวันที่ 7 ก.ย.65 เวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งเป็นเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ท. ได้นำเงินสด จำนวน 80,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับนางจุรีพร โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสามหน่วยงานได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ และเมื่อได้ส่งมอบเงินเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปยังห้องทำงานจุดส่งมอบเงินทันที พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา โดยได้ตรวจค้นพบว่ามีเงินสดจำนวน จำนวน 79,188 บาท วางอยู่บนโต๊ะทำงานของ นางจุรีพร สอบถามแล้วนางจุรีพรอ้างว่าเป็นเงินที่รับไว้จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด  

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบเงินสด 79,188 บาทบนโต๊ะดังกล่าวต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขบนธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่าเป็นความผิดฐาน 

1. เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย (ตาม ป.อาญา มาตรา 147) 2. เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตาม ป.อาญา มาตรา 157 3. เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตาม ป.อาญา มาตรา 151 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษดัง กล่าวไว้ดำเนินการสอบสวนต่อไป และ ให้ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ เบื้องต้นในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ซึ่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นแล้วส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จำคุกคนละ 18 ปี 24 เดือน อดีตผอ.-รองผอ.สามเสนวิทยาลัย เบียดบังเงินแป๊ะเจี๊ยะ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถนนเลียบรางรถไฟ ศาลกลางอ่านคำพิพากษา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ฟ้องนายวิโรฒ สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย

'เศรษฐา' ยืนยันไม่มีการกดดันฝ่ายใด หลัง 'บิ๊กโจ๊ก' ถอนเรื่องเอาผิดแต่งตั้งผบ.ตร.

จากกรณีที่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถอนเรื่องที่ยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ นายเศรษฐา ทวีสิน

'บิ๊กโจ๊ก' ถอย! ดอดยื่น ป.ป.ช. ขอถอนคำร้องเอาผิด 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้งผบ.ตร.

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่23เม.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ส่งตัวแทนมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อขอถอนเรื่องที่ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน

กรมคุกตอบ 5 ประเด็น ปม 'หมอวรงค์' ร้อง ป.ป.ช.เอาผิดช่วย 'ทักษิณ' ป่วยทิพย์

กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสารชี้แจงโดยระบุว่า วันจันทร์ที่ 22 เม.ย. 2567 ตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส่งข้อมูลผู้ตรวจฯ ยื่นคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ​ (ป.ป.ช.)​ ในการช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องติดคุก โดยมีประเด็นต่างๆ เพื่อเรียกร้องคำตอบให้กับสังคม นั้น

'เศรษฐา' ไม่กังวล 'บิ๊กโจ๊ก' ยื่นป.ป.ช.สอบแต่งตั้ง 'ต่อศักดิ์' เป็นผบ.ตร. สงสัยทำไมเพิ่งมาร้อง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เอาผิดนายกฯกรณีละเว้นปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

'ประวิตร' ยันไม่รู้จัก 'สุชาติ' กรรมการป.ป.ช. เป็นการส่วนตัว หลังโดนบิ๊กโจ๊กโยนระเบิดใส่

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธไม่ทราบกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารคัดค้านการปฏิบัติหน้ากรรมการป.ป.ช. และขอให้ตรวจสอบพ