รุ่นใหญ่การเมืองชำแหละ รัฐธรรมนูญฉบับถั่วงอก - คว้าน้ำเหลวปฎิรูปประเทศ

แฟ้มภาพ

บิ๊กตู่ไม่ควรไปต่อ  “รสนา”ชี้ปมรัฐธรรมนูญไทยฉบับถั่วงอก ไม่มีโอกาสเป็นต้นไม้ใหญ่ของประเทศ ขณะที่ “พิภพ” ชำแหละที่ผ่านไร้การปฎิรูป ตำรวจ –ศึกษา- พลังงาน

2 ต.ค.2565 – ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการจัดเสวนา สภาที่ 3 วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองหลังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ และ “ทวงคืนเอกสิทธิ์การเลือกนายกรัฐมนตรีจากเจตจำนงของประชาชน” โดยนายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ผลจากคำวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญข้อ 1. พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนตีความว่าเป็นการตัดตอน ม.264 เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 60 เป็นผลพวงโดยตรงจากรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ขณะที่ตุลาการเสียงข้างน้อยมีหลักทางกฎหมายมากกว่า โดยเฉพาะที่นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ หนึ่งในตุลาการเสียงข้างน้อย

นายเมธา กล่าวว่า  2. อยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ แสดงสปิริตโดยการลาออกอย่างสง่างามหลังคำวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้หาทางลงของท่านและน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อลดความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะเรื่องนี้คาบเส้นจริยธรรมคุณธรรมที่พล.อ.ประยุทธ์ มีมลทินติดตัวและได้รับความไว้วางใจต่ำลงมาก

“3. การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มตั่งแต่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นตั้งแต่ปี 2557-2560 พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เถื่อนใช่หรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ คืนเงินเดือนทั้งหมดที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ และ 4. สถานการณ์ขณะนี้ต้องถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำไมต้องไปต่อ มีอะไรที่ทำไว้แล้วกลัวถูกเช็คบิลหรือไม่ และมีอะไรที่ยังไม่ทำบ้าง แล้วยังอยากอยู่ต่อเพื่อจัดการ ซึ่งตนก็คิดไม่ออกนอกจากการประชุมเอเปคที่กร่อยลงทุกขณะ เนื่องจากผู้นำโลกอาจจะไม่มาเนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังยึดกุมอำนาจอยู่” นายเมธา กล่าว

นายเมธา กล่าวว่า สุดท้ายคงต้องเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว โดยภาคประชาชนทั้ง 30 องค์กรประชาธิปไตยและเครือข่าย 99 พลเมือง จะจัดเวทีพอกันที ยกเลิกระบอบประยุทธ์ และร่วมกันหาแนวทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนต่อไป ในวันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถ.ราชดำเนิน

ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กทม. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นครั้งแรกที่บัญญัติให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปีมิได้ แต่เว้นวรรคได้ ส่วนรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เขียนไว้ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม แต่การวินิจฉัยให้นับตั้งแต่การประกาศใช้รัฐธรรมนูญก็เท่ากับว่า รัฐธรรมนูญไทยเป็นเหมือนการปลูกถั่วงอก ไม่มีความต่อเนื่องในการบังคับใช้เพื่อเป็นบรรทัดฐานใดๆ ทั้งสิ้น ประเพณีการเมืองการปกครองไทยไม่ถูกปลูกฝังเจตจำนงเพื่อความต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยเลย รัฐธรรมนูญไทยจึงไม่มีโอกาสเป็นต้นไม้ใหญ่ของประเทศ เพราะหลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เราไม่คิดว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นอีกก็เกิดขึ้นอีกในที่สุด

“ผลกระทบประชาชนก็ยังคงถูกเก็บค่าไฟฟ้าแพงขึ้นต่อไปตามที่มีการเอื้อให้การผูกขาดไฟฟ้า แทนที่จะมีการเปิดให้ทำโซลาร์รูฟเสรีและเก็บไว้ในระบบไฟฟ้าของประเทศได้ซึ่งจะปฏิวัติระบบไฟฟ้าของประเทศ เนื่องจาก 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดการผูกขาดพลังงานสูงสุด ทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน คงต้องรอหลังการเลือกตั้งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพ่ายแพ้ถล่มทลาย และฝ่ายประชาชนเข้มแข็งหลุดพ้นจากการถูกแบ่งแยกแล้วปกครอง ไม่ถูกครอบงำจากทั้งฝ่ายมุมน้ำเงินและฝ่ายมุมแดง” นางสาวรสนา กล่าว

นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขานุการมูลนิธิเด็ก กล่าวว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยให้ความเห็นเรื่องเจตจำนงค์ของรัฐธรรมนูญชัดเจนมากว่า ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดอำนาจต่อเนื่อง ทำให้คำวินิจฉัยเสียงส่วนใหญ่เกิดจุดอ่อน เรื่องนี้มีเจตนารมณ์มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 50 ซึ่งยกการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยึดถือประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติในการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี หรือ 2 สมัย มาตั้งแต่ประธานาธิบดีคนแรก จึงต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเจตนารมณ์ของประชาชนด้วย

“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยด้วยเหตุผลนานัปการ ที่น่าผิดหวังที่สุดคือรัฐบาลประยุทธ์ไม่ปฏิรูปการศึกษา ไม่ปฏิรูปตำรวจ และไม่ปฏิรูปการผูกขาดด้านพลังงานที่เริ่มในรัฐบาลคุณทักษิณ ดังนั้นจึงไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปนำไปสู่ความล้มเหลวของสังคม” นายพิภพ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิชาการ ชี้ สส.บัญชีรายชื่อ คละบ้านใหญ่-เทคโนแครต สะท้อนการเมืองเน้นนโยบาย

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุ รายชื่อ สส. ในบัญชีรายชื่อ สะท้อนว่าพรรคการเมืองให้ความสำคัญกับนโยบายมากขึ้น เหตุคละกันระหว่าง“บ้านใหญ่-นักธุรกิจ” กับ “เทคโนแครต-นักวิชาการ

ร้อง กกต. คัดค้านพรรคประชาชน เปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. เขต 33 ใช้เบอร์เดิม

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ถนนแจ้งวัฒนะ นายอนันตเดช ธนวิภารัตน์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมายเลข 12 เขตเลือกตั้งที่ 33 และนายธิติพัทธ์ นรวิทยโชติกุล ผู้สมัครหมายเลข 4 เขตเลื

‘ม้ามืดชานเมือง ของภูมิใจไทย อ.นัส เขต 17’

ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย ทําการบ้านในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการคัดสรรผู้สมัครที่มีคุณภาพมีความยึดโยงกับประชาชนและพื้นที่เลือกตั้ง

ไชยา เบอร์ 7 กล้าธรรม ชูผันน้ำโขง-เลย-ชีมูล ดัน สปก.เป็นโฉนด

“ไชยา” หมายเลข 7 เขต 2 จ. หนองบัวลำภู พรรคกล้าธรรม ประกาศนโยบายหาเสียง กับชาวหนองบัวลำภู ปัดฝุ่นระบบผันน้ำ "โครงการโขง เลย ชีมูล” แปลง สปก.เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรครุฑแดง ลั่น หนี้สินเกษตรและครู ต้องมีโครงสร้างสหกรณ์กลางมาจัดการ

‘ดร.เจษฏ์’ ปูด ‘ทุนเทา’ ทุ่มแสนล้านในการเลือกตั้ง ซื้อประเทศไทย

นายเจษฏ์ โทณะวณิก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครักชาติ (รช.) กล่าวถึงสถานการณ์การแทรกแซงทางการเมืองของกลุ่มทุนสีเทา ว่า ล่าสุดมี