
นักวิชาการ มข.ระบุ 'ประยุทธ์' มาช้าไป แม้จะเปิดตัว รทสช.ยิ่งใหญ่แต่ประชาชนเสียงข้างมากยังคงรอสั่งสอนรัฐบาล มั่นใจไม่ได้ไปต่อ และ พท. มีสิทธิ์จับมือ พปชร. ด้วยเงื่อนไขพิเศษในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้า
11 ม.ค.66 -ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. รศ.ดร.พรอัมรินทร์ พรหมเกิด อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า การเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติและมีการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นสมาชิกพรคและแคนดิเดตในการเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นการดำเนินงานที่ช้าไป เนื่องจากทุกพรรคได้มีความเคลื่อนไหวและมีความชัดเจนในด้านต่างๆแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กลกยุทธ์ทางการตลาดจึงถูกนำมาใช้ในการเปิดตัวของพรรคและสมาชิกพรรคในครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจและความหวือหวาในช่วงใกล้ถึงวันเลือกตั้ง และจากการติดตามการคเลื่อนไหวของ รทสช.พบว่าทีมงานของ รทสช.ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าและตกยุคไปแล้ว ในขณะที่พรรคการเมืองต่างๆนั้นดำเนินการเมืองแบบผสมผสาน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประชาชนเสียงข้างมากเตรียมรอที่จะสั่งสอนรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งนี้
“กระแสการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นยอมรับว่าคนไทยทั้งประเทศนั้นตื่นตัวอย่างมากและเสียงข้างมากนั้นรอที่จะสั่งสอนรัฐบาล ดังนั้นหากจะแบ่งออกเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม คือพรรครัฐบาลปัจจุบันการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจจะมุ่งฐานดสียงจากกลุ่มจังหวัดทางภาคใต้และ กลุ่มภาคกลางและมุ้งฝั่งสมุทรปราการ,เพชรบุรีและชลบุรี ซึ่งหากให้วิเคราะห์มั่นใจว่า รทสช.น่าจะได้ที่นั่ง สส.ประมาณ 20-25 คน ในขณะที่พรรคเสรีนิยม จะครองสัดส่วน สส.ทั้งประเทศมากกว่าร้อยละ 60 ส่วนพรรคเล็กพรรคน้อยขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าได้มาร่วมกับ รทสช.เพราะหากจะสู้เพียงลำพังด้วยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่ได้เกิดแน่”
รศ.ดร.พรอัมรินทร์ กล่าวอีกว่า ฟันธงได้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ปะยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อไปอีกแน่ ด้วยเหตุเพราะกระแสเปลี่ยนและเบื่อเกิดขึ้นชัดเจน ประกอบกับการเปิดดีลของพรรคการเมืองต่างๆเริ่มส่งสัญญาณและข้อต่อรองที่ชัดเจนและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคนั้นน่าสนใจ ซึ่งหากให้วิเคราะห์สัดส่วน สส.พรรครัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะ รทสช.และ พปชร.ที่แยกตัวกันมาตี จะได้ ส.ส.ไม่ถึง 30 คน ดังนั้นสูตรการจัดตั้งรัฐบาลมองได้เพียง 2 สูตรคือ สูตรแรก พรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ต้องตัดพรรคเล็กพรรคน้อยออก และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ก็พร้อมที่จะออกจาก รทสช.และ พปชร. และ อีก สูตรคือดีลใหม่ คือเมื่อ พท.ได้รับเสียงข้างมากและเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล พท.ก็พร้อมที่จะจับมือกับ ก้าวไกล,ภูมิใจไทย,ชาติไทยพัฒนา,เสรีรวมไทยและพรรคการเมืองต่างๆตามสัดส่วน ส.ส. และอาจจะจับมือกับ พปชร.ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ที่อาจจะมีดีลพิเศษเกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เพื่อไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในสมัยหน้าก็อาจที่จะเป็นไปได้อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พีระพันธุ์’ ยัน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ไม่คิดเข้าร่วมรวมพรรคอื่น
‘พีระพันธุ์’ ย้ำชัด เจตนารมณ์ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยืนบนหลักการ ไม่เข้าร่วมการรวมพรรค มุ่งทำงานเพื่อประชาชน
'พีระพันธุ์' เบรกรัฐบาลหยุดซื้อไฟแพงเกินจริง จี้ต่อรองสัญญาใหม่ อย่าเกรงใจนายทุน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีมติเร่งรัดจัดซื้อไฟฟ้าโซลาร์ล็อตใหญ่ในราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยชี้ว่า
'รทสช.' ลุยปักธงกาญจนบุรี 'พีระพันธุ์' ชูเกษตรแปลงใหญ่ นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกร
'รวมไทยสร้างชาติ' ปักธง 'กาญจนบุรี' เปิดสำนักงานตัวแทนพรรคแห่งใหม่ ‘พีระพันธุ์’ เดินหน้าสร้าง 'DNA คนทำงาน' ทั่วประเทศ ชู ‘เกษตรแปลงใหญ่’ นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกร พร้อมสานต่อ 'โซลาร์เสรี' เพื่อพี่น้องประชาชน
รทสช.กัดฟันฝ่ามรสุมเลือดไหล หนุน 'พีระพันธุ์' นั่งหัวหน้าพรรค ดัน 'ชัช เตาปูน' เลขาฯ
‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ จัดประชุมใหญ่วิสามัญ เลือก ‘พีระพันธุ์’ นั่งหัวหน้าพรรคต่อ ‘ชัชวาลล์’ รับตำแหน่งเลขาธิการพรรค พร้อม กก.บห.ชุดใหม่ เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง สร้างผลงานให้ประเทศชาติและประชาชน
'วราเทพ' หวนคืนรังเก่า! โผล่ประชุมใหญ่เพื่อไทย เคลียร์ลุงป้อมแล้ว
'เพื่อไทย' เริ่มแล้ว! จัดประชุมใหญ่เลือกหัวหน้า-กรรมการบริหารพรรค 'วราเทพ' หวนคืนถิ่นเดิม พา 2 สส.กำแพงเพชร ผละอกลุงป้อม
'อนุทิน' เปิดตัว 'สุชาติ-ธนกร' สวมเสื้อภูมิใจไทย ยัน สส.กลุ่ม 16 มาครบ รอเวลาย้ายพรรคได้
"อนุทิน" อ้าแขนรับน้องรัก "เสี่ยเฮ้ง-ธนกร" เข้าภูมิใจไทย พร้อมขนสส. อีกกว่า 10 คน แสดงความประสงค์ร่วมงานในอนาคต "สุชาติ" เผยสส.กลุ่ม 16 มาครบ เชื่อมั่นนายกฯนำพาชาติรุ่งเรือง ด้าน"ธนกร" ชงหวานนายกฯในอนาคตคงชื่อ"อนุทิน"


