วงเสวนา ปชป. ชี้ ‘เงิน-อำนาจ’ ทำกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว

ปชป.ตั้งวงเสวนา ‘รวยแล้วทำผิดไม่ติดคุก??’ ระบุเงินและอำนาจทำกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวช่วยคนรวยทำผิดไม่ติดคุก แนะการเมืองต้องไม่แทรกแซงแต่งตั้งตำรวจ ใช้ระบบอาวุโสและคุณธรรมส่งเสริมคนดี 

22 ม.ค.2566-คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) จัดเสวนา “รวยแล้วทำผิด !! ไม่ติดคุก ??”   โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พล.ต.ต.ดร.วิชัย สังข์ประไพ หรือมือปราบหูดำ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ดร.อภิชัย ศรีโสภิต อดีตรองผู้บัญชาการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ”กัปตันไมเคิล” นายพันธุ์พิสุทธิ์ นุราช นักการเมืองรุ่นใหม่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินรายการโดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวเปิดงานเสวนาโดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า หากพูดอย่างตรงไปตรงมาจะเห็นได้ว่าคนรวยทำผิดบางคนก็ติดคุก นักการเมืองจำนวนไม่น้อยก็ยังติดคุก แต่การตั้งคำถามว่าทำไมคนรวยทำผิดไม่ติดคุก เนื่องจากปัจจุบันกระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามจากสังคมอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะกรณีซึ่งเป็นคนรวย มีฐานะทางเศรษฐกิจกระทำความผิดแต่มีการช่วยเหลือ ซึ่งหลายคดียังเป็นข้อกังขาของคนในสังคม เช่นกรณีทุนจีนสี เทาทำให้สังคมไทยฉุกคิดว่าคนรวยสามารถกระทำความผิดและรอดได้เพราะมีช่องทางการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม จึงอยากให้มีกระบวนการพูดคุย หาทางออกเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

พล.ต.ต.ดร.วิชัย กล่าวว่า ทุกสถาบันผลิตบุคลากรให้เป็นคนดีช่วยเหลือชาติบ้านเมือง องค์กรตำรวจก็เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจเข้าสู่การทำงานจริงต้องพบเจอปัจจัยภายนอก 3 ประการทำให้ตำรวจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ คือ 1.สายบังคับบัญชา 2.สังคมที่เปลี่ยนไป 3.โซเชียลมีเดียที่จับจ้องตำรวจ หลายคดีที่ผ่านมาตำรวจตกเป็นเป้า ประชาชนตรวจสอบกระบวนการทำงานของตำรวจมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าผู้กระทำผิดเป็นคนรวย จะยิ่งถูกตรวจสอบมากยิ่งขึ้น เช่นกรณีเสี่ยเบนท์ลีย์ที่ทำให้สังคมมองว่ากระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว เนื่องจากคนรวยมีทนายความ มีเงินไปต่อสู้ รัฐเอื้อประโยชน์ ในขณะที่คนจนไม่มี

“ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดหลักความถูกต้อง ประชาชนก็จะไม่เสื่อมศรัทธา และต่อว่าไม่ได้  กระบวนการยุติธรรมประกอบด้วย 4 ส่วนคือ ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดบิดเบี้ยว กระบวนการยุติธรรมก็ไม่เกิด  ดังนั้นกระบวนการยุติธรรมต้องเข้มแข็ง บ้านเมืองสงบต้องจบด้วยกระบวนการยุติธรรม”

พล.ต.ต.ดร.วิชัย กล่าวว่า อยากให้ประชนร่วมกันเป็นหูเป็นตาตรวจสอบกระบวนการต่าง ๆ ที่ บิดเบี้ยว หากทุกคนช่วยกันตรวจสอบ ก็จะทำให้สังคมเข้มแข็ง ลดการทุจริต พร้อมทั้งเสนอให้องค์กรตำรวจเป็นอิสระจากนักการเมือง เนื่องจากการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จึงทำให้การทำหน้าที่ไม่เป็นอิสระ และบางครั้งต้องตอบสนองนักการเมืองบางกลุ่มบางพวก ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และการใช้อำนาจหน้าที่ที่ต้องโดนแทรกแซง

“เนื่องจากตำรวจเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน จึงถูกตรวจสอบมากเป็นธรรมดาโดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีอิทธิพลมาก สมัยนี้การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ต้องมาจากคณะกรรมการ กตร.ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จึงทำให้การแต่งตั้งมีโอกาสถูกแทรกแซง ผบ.ตร.ถูกลดบทบาทอำนาจหน้าที่ไปโดยปริยาย ดังนั้นหากตำรวจเป็นองค์กรอิสระปราศจากการแทรกแซงจากนักการเมืองก็จะสามารถคานอำนาจต่าง ๆ ได้” 

ด้าน พล.ต.ต.ดร.อภิชัย ศรีโสภิต อดีตรองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในฐานะที่เป็นอาจารย์ของตำรวจ กล่าวว่า โรงเรียนนายร้อยตำรวจมุ่งผลิตบุคลากรที่เป็นคนดี คนเก่ง สู่สังคม แต่ตำรวจถูกวิจารณ์อย่างหนักเพราะมีปัจจัยภายนอกแทรกแซงกระบวนการทำงาน

“ผมกล้าพูดว่า นรต.ทุกคนเก่งและดี ในแต่ละปีมีผู้สมัครสอบจำนวนหลักหมื่น แต่รับแค่ 300 คน ซึ่งแต่ละคนเป็นคนเก่งระดับประเทศ แต่ตำรวจเป็นอาชีพเดียวที่ไม่ทราบอนาคตของเส้นทางการเติบโต เพราะต้องเจอกับระบบเส้นสาย โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าตำรวจไทยเก่งไม่แพ้ชาติอื่น มีตำรวจที่ดีมากมาย ขอเป็นกำลังใจให้ทำงานโดยยึดหลักความถูกต้อง ชัดเจน ตรงไปตรงมา อย่าให้ปัจจัยภายนอกเข้ามามีอำนาจเหนือกว่าหน้าที่โดยเฉพาะการเมืองซึ่งเข้ามามีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทั้งสิ้นไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ถ้าไม่มีเส้นสายบางคนต้องใช้เวลานานมากกว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง ทำให้ต้องมีการวิ่งเต้น เพราะไม่เช่นนั้นต้องอยู่ในตำแหน่งเดิม ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมจึงไม่ควรมีการเมืองเกี่ยวข้อง และมีอิสระในการทำหน้าที่”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชาวบ้านผวา! แจ้งตำรวจช่วย โจ๋ปาประทัดลูกบอล ยิงปืนทางเข้าชุมชน

พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากนายประเทศ เข็มนิล อายุ 65 ปี ชาว ตำบลสำโรงกลาง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

'โจ๊ก' ยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการ ปูดแผนผังแก๊ง 4x100 สยบปีกพระพรหม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) กรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ร

'บิ๊กต่าย' เซ็นแบ่งงานรองผบ.ตร. 'ธนา-สราวุฒิ' แทน 'บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กรอย'

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) มีคำสั่ง ตร.ที่ 176/2567 ลงวันที่ 17 เม.ย. 2567 เรื่องกำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ