ยุ่งแล้ว 'ครู' ฮึ่ม! ต้าน ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ

ครู 23 ม.ค.2566 - นายประทุม เรืองฤทธิ์ ประธานสมาพันธ์ครูภาคใต้ เปิดเผยว่าแกนนำเครือข่ายครูภาคใต้จำนวน 10 คน ได้เดินทางไปสมทบกับองค์กรครู 4 ภูมิภาค จำนวน 200 คน โดยมีองค์กรครูหลักของประเทศไทย องค์กรเครือข่ายครูแห่งประเทศไทย (คอท.) สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (สคท.)

ทั้งนี้เพื่อเดินทางไปยังรัฐสภา ทำการยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ..... เนื่องจาก ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวยังขาดความสมบูรณ์ที่ไม่ตอบโจทย์ของการพัฒนาการศึกษาแท้จริง ทั้งยังเป็นร่างพ.ร.บ. ที่มุ่งหวังต่อการควบคุมคนในเชิงโครงสร้างมากกว่าการที่จะกระจายอำนาจ ซึ่งจะส่งผลให้รื้อถึงประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดของครูให้กลับคืนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

นายประทุม กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงเกิดความอ่อนไหวหวาดระแวงว่าในเส้นทางของการประกอบวิชาชีพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ในเส้นทางของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นคุณต่อวิชาชีพ

“ความอ่อนไหวในการเปลี่ยนแปลงสภาพของการจัดการศึกษาที่เดิมนั้น เน้นในเชิงรัฐสวัสดิการให้กับปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างทั่วถึงและอย่างเสมอภาค ก็จะกลับมาเป็นให้รัฐซื้อบริการทางการศึกษากับเอกชน เหมือนกับการกระจายร้านสะดวกซื้อไปทั่วพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้าซื้อบริการทางการศึกษา ตามกรอบที่วางเอาไว้ทีเดียว” นายประทุม กล่าว

ประธานสมาพันธ์ครูภาคใต้ กล่าวว่าความอ่อนไหวในการรักษามาตรฐานทางวิชาชีพที่ทุกประเทศให้ความสำคัญกับมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพครู โดยมุ่งเน้นยกระดับทางวิชาชีพเพื่อดึงนักเรียนที่เก่งมาเรียนครูให้มากขึ้น แทนที่จะไปเลือกเรียนสาขาวิชาชีพอื่น ซึ่งสามารถดำเนินการมาได้ระดับหนึ่ง แล้วจะต้องหายไปในที่สุด

"ดังนั้นการคาดหวังขององค์กรเครือข่ายครู ที่ต้องการเห็นและพร้อมที่จะเลือกทางเดินในการให้บทเรียนในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในระยะเวลาที่ใกล้จะถึงนี้ ครูทางภาคใต้ ทั้งญาติพี่น้องครูลูกหลานครู จะไม่เลือกกับผู้ที่จะสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับนี้” นายประทุม กล่าว

วันเดียวกันสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง 24 มกราฯ วันพิพากษา ผู้ไม่รับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพครู “ของอดีตผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งครู ฯ” วันที่24 มกราคม พ.ศ. 2566 รัฐสภาไทย ได้กำหนดให้มีการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ......

ภายหลังจากได้มีการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม ที่ผ่านมาและได้เกิดปรากฏการณ์สภาล่มติดต่อกัน ทั้งสองวัน ซึ่งมีสาเหตุที่มาจาก การที่กฎหมาย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับดังกล่าว มีความมุ่งหมายพิเศษ ที่จะทำลายล้างความเจริญ เติมโตด้านสติปัญญาตามวัยของผู้เรียน ขัดแย้งกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิเด็ก มีการรวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ( Single command ) และไม่ส่งเสริมหลักการประชาธิปตยสากล

ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงส่งผลให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชน พร้อมกับผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ลุกขึ้นมาทักท้วงอย่างกว้างขวาง กระจายครอบคลุมไปทั่วประเทศ พรรคการเมือง และนักการเมือง ต่างได้รับทราบปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี

แต่ก็ยังมีความพยายามของสมาชิกรัฐสภาบางส่วน พรรคการเมืองบางพรรค แปรเปลี่ยนอุดมการณ์แห่งเจตจำนงของระบอบประชาธิปไตยและอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ ไปอย่างสิ้นเชิง ดังเช่นการวางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง และแทรกแชงอำนาจของรัฐสภา การมีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อ “องค์กรวิชาชีพครู ฯ”การมีเป้าหมาย เพื่อตนเองสืบทอดอำนาจหรือหวังผลตอบแทนทางการเมืองของตัวเองและพวกพ้อง

ดังปรากฏการที่รับรู้โดยทั่วไป ดังนั้น ทางสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย ( ส.ค.ท.)ขอให้ผู้ประกอบวิชาชีพได้ติดตามอย่างใกลัชิด และพิพากษาทางการเมืองในเวลาต่อไป โดยไม่เลือกเข้าสู่สภา ตั้งแต่บัดนี้ป็นต้นไปและจารีกไว้ในด้านมืดของวงการศึกษาไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครูลำปางไม่ทน! แห่ค้าน พ.ร.บ.การศึกษา ลั่นหนุนพรรคการเมืองที่ฟังเสียงปัญหา

ตัวแทนครู 13 อำเภอในลำปาง งัดไม้เด็ดจัดขบวนแห่ คัดค้าน พ.ร.บ.การศึกษา ประธานชมรมครูจังหวัดลำปางเผยพร้อมสนับสนุนพรรคการเมืองที่ฟังเสียงครู

สลด! ครูสอนดนตรียิงตัวตายในโรงเรียน ตร.เร่งสืบสาเหตุตั้งปม 3 ประเด็น

พ.ต.ต.ปัญพิสิษฐ์ มิ่งเมือง สารวัตรสอบสวน สภ.บึงสามพัน อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวตาย เหตุเกิดที่ภายในโรงเรียนอนุบาลบึงสามพัน ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ถนนสระบุรี-หล่มสัก บ้านซับสมอทอด ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์

หัวอกพ่อ! สุดทนลูกสาว 7 ขวบถูกตบหน้าจนเป็นรอยมือ โร่ร้องขอความเป็นธรรมที่โรงเรียน

พ่อสุดทน ลูกสาววัย 7 ขวบถูกตบหน้าจนบาดเจ็บ  จนไม่กล้าไปโรงเรียน ขึ้นโรงพักแจ้งความตำรวจ  พร้อมขอความเป็นธรรมที่โรงเรียนช่วยสางปัญหา

ลมหนาวระลอกใหม่ทำครูบุรีรัมย์พาลูกศิษย์มาเรียนกลางแดด

อากาศหนาวเย็นฉับพลันอีกระลอก ครูโรงเรียนบ้านหนองสะแก จ.บุรีรัมย์พานักเรียนออกมานั่งเรียนกลางแดดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายสลับกับเรียนในห้อง