นายกสมาคมทนายออกแถลงการณ์ 'ทานตะวัน-แบม' ไม่ใช่อาชญากร โยงสาเหตุเพราะรัฐประหาร

31 ม.ค.2566- นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่าตามที่ศาลอาญามีคำสั่งให้ถอนการประกันตัวตะวันและแบม ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และ มาตรา 116 จนนำไปสู่การอดอาหารประท้วงคำสั่งศาลในเรือนจำ ดังที่เป็นข่าวอย่างแพร่หลาย นั้น

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นว่า การกระทำของตะวันกับแบมและเพื่อนๆ แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เกิดจากแรงจูงใจทางอาญา (Criminal Motive) ที่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากจะเกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง (Political Motive) ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ตนเชื่อว่าจะดีขึ้นซึ่งถือเป็นประโยชน์ส่วนรวม อันเป็นปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากความเห็นต่างและนำไปสู่การกระทำความผิดดังกล่าว

ความขัดแย้งทางการเมืองของไทยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นและสะสมมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 จนนำไปสู่การยึดอำนาจการปกครองถึงสองครั้ง เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติจำนวนมากแต่กลับไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและถูกวิธี โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่เลือกใช้วิธีการปราบปรามโดยนำเอาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และมาตรา 116 และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมที่มีไว้เพื่อจัดการกับอาชญากรทางอาญามาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหาทางการเมือง จึงทำให้ปัญหาความขัดแย้งที่มีมากอยู่แล้วทวีความซับซ้อนและแก้ไขยากมากขึ้นตามลำดับ ตะวันกับแบมและเพื่อนๆจึงไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญา หากแต่เป็นนักโทษทางความคิดที่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างนักโทษทางการเมืองที่พึงได้รับ

สมาคมทนายความแห่งประเทศไทยเห็นต่อไปว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยกระบวนการปรองดอง (Reconciliation Process) ด้วยการนำคู่กรณีแห่งความขัดแย้งทุกฝ่ายและทุกปัญหาเข้าสู่กระบวนการปรองดองเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน โดยใช้กระบวนการทางกฎหมายที่เรียกว่า “ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice)” หรือ “ความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice)” เป็นเครื่องมือในการปรองดอง เพราะบุคคลเหล่านี้แม้จะเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นอาชญากรทางอาญาจึงไม่อาจแก้ไขด้วยวิธีการทางอาญาได้

รัฐบาลพึงตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองมีความสำคัญยิ่งที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและถูกวิธี ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การสูญเสียอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะไม่มีประเทศใดบนโลกนี้ที่สามารถพัฒนาต่อไปได้ท่ามกลางความขัดแย้งของผู้คนในชาติ องค์กรในกระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ หรือศาล จะต้องตระหนักในข้อเท็จจริงนี้ไม่เช่นนั้นรัฐบาลและองค์กรในกระบวนการยุติธรรมจะกลายเป็นตัวเร่งให้ปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยขยายวงและบานปลายมากขึ้นจนกลายเป็นตัวปัญหาเสีย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘อัษฎางค์’ ชี้ดีลทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป คือ ดีลที่ทักษิณมอบความชอบธรรมในการทำรัฐประหารให้ทหาร

อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ว่า ดีลทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป คือ ดีลที่ทักษิณมอบความชอบธ

โถ! สุทินบอกไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2560 อนาคตประเทศจะมืดมน

'สุทิน' หนุนรื้อทิ้ง รธน.ปี60 ไม่เอื้อให้แก้ปัญหา ทำสส.-สว.ขนลุก ห่วงไปไว้ใจพรรคที่ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ ชี้ถ้าไม่สำเร็จ อนาคตประเทศจะมืดมน

'ชัยวุฒิ' ฟาด 'เท้ง' แผ่นเสียงตกร่อง ติดหล่มอดีตพูดแต่เรื่องรัฐประหาร เหมือนอภิปรายรัฐบาลบิ๊กตู่

"ชัยวุฒิ" ผิดหวังผู้นำฝ่ายค้านติดหล่มอดีตพูดวนแต่เรื่องปฏิวัติรัฐประหาร ชี้ปัญหาวันนี้เป็นความผิดพลาดบกพร่องต่อหน้าที่ของนายกฯเพื่อไทย

'ผู้นำฝ่ายค้าน' ไม่อนุญาตรัฐบาลใช้อำนาจมิชอบ ห้ามจุ้น 'เขากระโดง-ฮั้วสว.'

'ณัฐพงษ์' ย้ำใช้เสียง ‘พรรคประชาชน’ หนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ เพื่อมุ่งหวังเปิดประตูแก้รัฐธรรมนูญ ไร้การรัฐประหาร นับหนึ่งหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่อนุญาตให้รัฐบาลใช้อำนาจมิชอบ-แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

นายกสมาคมทนายฯ วิจารณ์ศาลรธน. ถึงขั้น 'ช็อค' อ้างเป็นตลกร้ายทางการเมือง

นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊คสมาคมทนายความเเห่งประเทศไทยผ่านบันทึก