
หากก่อนการเลือกตั้ง ยังไม่มีคนดีมีบุญบารมีมาปรากฏตัวมาให้เราเลือก ทางที่ดีที่สุดก็คือลงคะแนนทั้งเขตและทั้งบัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่เรามั่นใจได้ 100% ว่าจะไม่ไปย้ายขั้ว
26 มี.ค.2566-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า อีกไม่ถึง 2 เดือนก็จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไปที่น่าจะเป็นการเลือกตั้งที่น่าสนใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองยังคงแบ่งเป็น 2 ขั้วเช่นเดิม แต่ครั้งนี้แม้พอจะคาดได้ว่าพรรคการเมืองใดจะได้จำนวน ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 แต่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า พรรคใดจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พรรคใดจะเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตัวแปรสำคัญที่ทำให้คาดเดาได้ยาก นอกจากจะมี สว 250 คนที่ยังไม่ทราบจะโหวตหรือไม่โหวต หรือจะโหวตไปในทางใดบ้างแล้ว ตัวแปรที่สำคัญอีกตัวแปรก็คือ จะมีพรรคใดบ้างที่จะย้ายหรือไม่ย้ายขั้วไปร่วมกับพรรคที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วตรงที่พรรคที่ยึดมั่นชัดเจนว่าจะไม่ย้ายข้ามฟากไปร่วมกับพรรคที่มีอุดมการณ์แตกต่างกันมีเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่รอดูผลการเลือกตั้งแล้วจึงตัดสินใจ แน่นอนว่าเป้าหมายก็คือ การได้เป็นรัฐบาลไม่ว่าจะต้องร่วมกับพรรคใดก็ตาม
ผลการสำรวจล่าสุดของนิด้าโพลบอกว่า ประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกพรรคใด พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะได้จำนวนส.ส.ทั้งเขต และส.ส.บัญชีรายชื่อรวมกันไม่น้อยกว่า 250 คน และน่าจะได้เป็นพรรคอันดับ 1 อีกครั้ง แต่นั่นยังไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล เพราะยังมีตัวแปรอีก 2 ตัวแปรที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น นั่นคือ การโหวตของ สว และการย้ายหรือไม่ย้ายขั้วจับมือกันของพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ถ้าต้องใช้คะแนนเสียง 376 เสียงรวมกันทั้ง 2 สภา เพื่อให้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คงยากที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคเสรีรวมไทย รวมกันแล้วจะมีจำนวนส.ส.เพียงพอที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีและตั้งรัฐบาลได้ เพราะจำนวน ส.ส.ที่ได้ของทั้ง 3 พรรคน่าจะผกผันกัน กล่าวคือ พรรคหนึ่งได้จำนวน ส.ส.มากขึ้น อีก 2 พรรคก็น่าจะได้จำนวนส.ส.น้อยลง พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้ง 3 พรรคการเมืองจะต้องแย่งคะแนนกันเอง
เชื่อว่าในปัจจุบัน ประชาชนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วมาก จึงไม่น่าเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีระบบบริหารและวิธีการดำเนินงานเสมือนหนึ่งเป็นบริษัทส่วนบุคคล จะยังคงมีคะแนนนิยมตามผลการสำรวจของนิด้าโพลมากขนาดนี้ นั่นคงเป็นเพราะประชาชนที่ตั้งใจจะเลือกผู้สมัครแต่ะเขต และเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ยังคงมีความนิยมและเชื่อมั่นในตัวคุณทักษิณอย่างไม่เสื่อมคลาย ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยอยู่ภายใต้การสั่งการของคุณทักษิณ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนกลุ่มนี้พอใจ แม้จะขัดต่อกฎหมายก็ตาม
มีคำถามว่า ประชาชนกลุ่มที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งถูกเรียกว่า กลุ่มอนุรักษ์นิยม และกลุ่มที่เชื่อว่า หากพรรคการเมือง 3 พรรคข้างต้นได้เป็นรัฐบาลจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติอย่างที่ทั้ง 3 พรรคหาเสียงกันไว้ ควรจะเลือกพรรคใด หรือควรสนับสนุนใครให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพื่อให้ตัวเองได้อะไรแต่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม คำตอบ ณ เวลานี้คือ ยังไม่เห็นพรรคใดที่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีในอุดมคติที่คนส่วนใหญ่ให้ความเชื่อมั่นและให้การยอมรับร่วมกันแม้แต่พรรคเดียว
นั่นไม่ได้แปลว่าเราจะสิ้นหวังกันเสียทีเดียว ไม่แน่ว่ากรุงศรีอยุธยาอาจยังไม่สิ้นคนดีก็ได้ มีญาติสนิทที่เคารพรักของผมท่านหนึ่ง เป็นนักโหราศาสตร์และมีสัมผัสพิเศษ ได้ทำนายดวงชะตาของบ้านเมืองในระยะนี้ไว้ดังนี้
” การทำนายบ้านเมืองต่อไปนี้….
ขออย่าประมาทกัน เพราะว่ายังมีเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นอีก
ที่ไม่คาดฝันจนถึงเดือนมีนาคม
ใกล้ๆ เข้ามาแล้ว
ดาวเสาร์จะย้ายออกจากราศีมังกร
วันที่ 1 มีนาคม
เวลา 07.39 น.
แปลว่า
เป็นวันแรกที่จักรวาลจะถอนตัว
ปล่อยให้ดวงดาวเดินไปตามปกติ
ดังนั้นจากนี้ไปถึงเวลาดังกล่าวข้างต้น
จะมีเรื่องอะไรที่เข้มข้นต่อไป
บ้านเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง
คนมีบุญกำลังจะออกมาปรากฏตัว
ตั้งแต่วันพุธที่ 19 เมษายน
ดาวพฤหัสจะย้ายจากราศีมีนเข้าราศีเมษ ทับลัคดวงเมือง
แปลว่า คนดีมีบุญบารมีจะปรากฏตัว
กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด
เราจะต้องมีคนดีมีบุญ เกิดขึ้นฉันนั้น
เรามาคอยดูกันต่อไป
และขอให้สร้างพลังบวกกัน ด้วยการสวดมนต์ จิตกุศล
จะช่วยบ้านเมืองได้มาก
พลังบวกจะถูกส่งขึ้นไปในจักรวาล
ช่วยให้บ้านเมืองเราคลาดแคล้วจากความเลวร้าย
ที่ทั้งโลกเกิดขึ้น…”
หากก่อนการเลือกตั้ง ยังไม่มีคนดีมีบุญบารมีมาปรากฏตัวมาให้เราเลือก ทางที่ดีที่สุดก็คือลงคะแนนทั้งเขตและทั้งบัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่เรามั่นใจได้ 100% ว่าจะไม่ไปย้ายขั้ว ซึ่งน่าจะมีเพียง 3 พรรคเท่านั้น ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยภักดี และพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ การย้ายขั้วจะไม่เกิดขึ้นตราบเท่าที่คุณชวน หลีกภัย ยังคงมีบทบาทอยู่ในพรรค เป็นแฟนพรรคไหนก็เลือกพรรคนั้น
หากจะเลือกแบบมียุทธศาสตร์ คือเลือกเพื่อไม่ให้คะแนนสูญเปล่า ก็ต้องเทคะแนนให้พรรครวมไทยสร้างชาติที่กำลังดีวันดีคืนอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบลุงตู่ก็ตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ภท.' เปิดตัว 5 ผู้สมัคร สส.พิษณุโลก 'จุติ' นำทัพ คัมแบ็กลงเขต
ภท. เปิดตัวผู้สมัคร สส. พิษณุโลก ครบทั้ง 5 'จุติ ไกรฤกษ์' นำทัพ พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและปัญหาจากสมาชิกพรรค เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง
'กกต.กทม.' พร้อมรับสมัคร สส. 33 เขต เร่งแก้ระบบลงทะเบียนล่วงหน้า หลังพบ ปชช. เกิดปัญหา
กกต.กทม.เผย ความพร้อมรับสมัครผู้สมัคร 33 เขต เร่งแก้ไขระบบลงทะเบียนล่วงหน้าหลังพบ ปชช.บางส่วนลงทะเบียนไม่ได้เหตุสมาร์ทโฟนบางรุ่นไม่รองรับ อนุญาตใช้รถแห่แต่ห้ามจัดมหรสพ–การรื่นเริง แจ้งชัดติดป้ายผิดที่มีสิทธิถูกรื้อถอนพร้อมเรียกค่าใช้จ่าย เตือนประชาชนเผื่อเวลาใช้สิทธิ 2 ขั้นตอน ห่วงฝนกระทบคิวหน่วยเลือกตั้ง มั่นใจบริหารจัดการได้–คาดผู้มาใช้สิทธิเพิ่มจากครั้งก่อน
ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)
'ปชป.' คิกออฟ 'ไทยหายจน' พาคนไทยหลุดพ้นทนหายใจ
'ปชป.' คิกออฟแคมเปญ 'ไทยหายจน' สะท้อนปัญหาสังคมไทย ทนหายใจไปวันๆ จากทั้งปากท้อง-สังคม-คุณภาพชีวิต-การทุจริตคอร์รัปชัน ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง 'อภิสิทธิ์' ย้ำต้องไม่ทนอีกต่อไป
'อภิสิทธิ์' เปิดตัว 33 ผู้สมัคร สส.กทม. เชื่อปีเลือกตั้งลงท้าย 9 'ปชป.' มักชนะ
'อภิสิทธิ์' เปิดตัว 33 ผู้สมัคร สส.กทม. การันตีเฟ้นเข้มข้น ขอโอกาสคนกรุงไว้วางใจ ใช้การเมืองสุจริตเปลี่ยนแปลงประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิต เชื่อเลือกตั้งปีที่ลงท้ายเลข 9 'ปชป.' มักชนะ
'วัน อยู่บำรุง' ส่งสัญญาณส่อทิ้งลุงป้อม ซบ 'โอกาสใหม่'
'วัน อยู่บำรุง' โพสต์ส่งสัญญาณชีวิตถึงจุดเปลี่ยน จับตาย้ายซบ 'โอกาสใหม่' ด้าน 'จตุพร' รับได้คุยกัน เจ้าตัวสนใจนโยบายพรรค

