'พิธา' โดนแล้ว! ยื่น กกต. ฟันข้อหาหลอกลวงใส่ร้าย

‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง กกต. สอบ ‘พิธา’ บิดเบือนข้อมูลมางานศพพ่อช่วงรัฐประหาร 49 ใส่ร้ายทหาร หวังคะแนนเสียงเลือกตั้ง ชี้ผิดจริงโทษหนัก ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี

28 เม.ย. 2566 – เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์ ยื่นคำร้องขอให้ กกต. ดำเนินการไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 กรณีเดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อมางานศพพ่อในช่วงของการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ได้นำหลักฐานเป็นคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ผ่านรายการของนายสรยุทธ และคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ผ่านรายการของนางสุริวิภา กุลตังวัฒนา หรือหนูแหม่ม เมื่อปี 2552 มาเปรียบเทียบเนื่องจากเป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่กลับมีความแตกต่างกันในหลายประเด็น 1.อ้างว่าตัวเองเป็นข้าราชการ อยู่ในคณะทำงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ขณะเดียวกันให้สัมภาษณ์กับนางสุริวิภา กลับระบุว่าเป็นนักศึกษาอยู่ในกรุงบอสตัน 2.เคยถูกควบคุมตัวที่ดอนเมือง ไม่สามารถกลับไปทันงานศพของพ่อได้ แต่ให้สัมภาษณ์กับนางสุริวิภา ว่าอยู่ที่ดอนเมืองเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแค่ 4 – 5 ชั่วโมง และกลับไปร่วมงานศพของพ่อทัน 3.ในช่วงนั้นถูกระงับบัญชี 2 – 3 เดือน จนไม่สามารถหาเงินมาทำบุญศพพ่อได้ แต่ในรายการของนายสุริวิภา ไม่ได้พูดถึง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะนายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตผู้แทนการค้าไทยสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีการควบคุมตัว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตามปกติ และปล่อยกลับบ้านทุกคน เพราะฉะนั้นในการให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. เห็นว่านายพิธา พยายามแต่งเรื่องขึ้นมาหรือไม่ เพื่อสร้างความเห็นอกเห็นใจ สร้างความสงสาร และใส่ร้ายฝ่ายความมั่นคง หรือทหาร ว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ ทำให้เกิดคะแนนนิยมของพรรคตนเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อห้ามอย่างชัดเจนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 (5) ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามพรรคการเมืองหาเสียงโดยวิธีการหลอกลวง ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจในคะแนนนิยมของตนเอง หรือพรรคการเมืองที่ผิดไป ซึ่งเรื่องนี้นายพิธา ได้กระทำเองและพรรคก้าวไกลได้มีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับทหาร โดยเฉพาะการเกณฑ์ทหาร ปฏิรูปกองทัพ

“ดังนั้นคำพูดของนายพิธา ต้องการสื่อให้เห็นว่าตนเองออกมาต่อต้านกองทัพอย่างชัด จึงหยิบยกประเด็นการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ในช่วงที่มางานศพของพ่อ ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จึงนำเรื่องมาร้องให้ กกต. ไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย ว่าเข้าข่ายความผิดตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ถ้า กกต. วินิจฉัยว่าเข้าข่ายความผิดจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และถูกตัดสิทธิทางการเมืองอย่างน้อย 20 ปี” นายศรีสุวรรณ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แนะประชาชน ต้องรู้ทัน ไม่หลงเชื่อกลโกงมิจฉาชีพ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ยังพบมีการหลอกลวงประชาชนจากมิจฉาชีพอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดข้อมูลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมระบุ ในช่วงตั้งแต่

ประธาน กกต. แจงความคืบหน้าเลือก สว. ชุดใหม่

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าของระเบียบ และประกาศกกต. เกี่ยวข้องกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า เสร็จไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยมี 1 ฉบับที่ส่งไปแล้ว และอยู่ระหว่างการ