ครป.ออกแถลงการณ์จี้ 'บิ๊กตู่' พร้อม ครม.แสดงสปิริตหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วให้ปลัดรักษาราชการแทนจากกรณีถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่อง พ.ร.ก.อุ้มหายขัด รธน. พร้อมจี้ ป.ป.ช.ถอดถอน
24 พ.ค.2566 - คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) ได้ออกแถลงการณ์คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เรื่องนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาการต้องแสดงความรับผิดชอบการออกพระราชกำหนดขัดรัฐธรรมนูญ
โดยเนื้อหาระบุว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 วินิจฉัยว่าพระราชกำหนดเลื่อนการใช้พระบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 4 มาตรา ที่คณะรัฐมนตรีออกเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 172 ด้วยเหตุผลว่า การอ้างความไม่พร้อมด้านงบประมาณและบุคลากรไม่เข้าเงื่อนไขในการออกพระราชกำหนดดังกล่าว ทำให้ไม่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสามนั้น
กรณีดังกล่าวภาคประชาชนได้คัดค้านตั้งแต่แรกว่า การอ้างความไม่พร้อมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ใช่เหตุฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยสาธารณะของประเทศที่รัฐบาลจะสามารถออกพระราชกำหนดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 ได้ สอดคล้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police Watch) จึงขอเรียกร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาการที่เกี่ยวข้องทุกคนให้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อการกระทำดังกล่าว ซึ่งหากยังเป็นรัฐบาลปกติต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกซึ่งเป็นบรรทัดฐานทางการเมือง แต่สถานะรักษาการในปัจจุบันคณะรัฐมนตรีรักษาการควรแสดงสปิริตหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาราชการแทน รวมทั้งขอโทษประชาชนที่ได้กระทำการดังกล่าว ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสังคมอย่างไม่สามารถประเมินค่าได้
การกระทำของคณะรัฐมนตรี นอกจากเป็นการไม่เคารพต่อพันธกรณีที่รัฐมีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เคารพต่อหลักนิติรัฐ-นิติธรรม และไม่ให้คุณค่าความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแล้ว ยังถือเป็นพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ประพฤติผิดจริยธรรมร้ายแรงของข้าราชการการเมืองและข้าราชการระดับสูง ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ย่อมทราบถึงการกระทำดังกล่าวอยู่เป็นอย่างดีเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป จึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการถอดถอนคณะรัฐมนตรีและข้าราชการระดับสูงผู้เกี่ยวข้องทุกคนจากตำแหน่งตามหน้าที่และอำนาจตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 บัญญัติไว้ เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ


