ปธ.ญาติวีรชนฯ จี้ 'ประยุทธ์' กับพวก หยุดปฏิบัติหน้าที่ รับผิดชอบศาลรธน.ตีตกพรก.อุ้มหาย ขู่ยื่นถอดถอน

ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา’35 จี้ 'ประยุทธ์-วิษณุ-ดำรงศักดิ์-อนุพงษ์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ แสดงความรับผิดชอบกรณีศาลรธน.วินิจฉัยว่า พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานฯ ขัดรธน. ขู่ยื่นถอดถอน ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกช่องทาง

24 พ.ค.2566 - นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคหนึ่ง จึงให้พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้น คือวันที่ 22 ก.พ.2566 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม ว่า การที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บังอาจ นำพ.ร.ก.ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญทูลเกล้าฯถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น มีความผิดทั้งด้านอาญาแผ่นดิน และมีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นับเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศที่จะต้องมีคนรับผิดชอบในทางการเมือง และทางกฎหมาย ไม่อาจปล่อยให้บุคคลที่เกี่ยวข้องลอยนวลอยู่ได้ จำเป็นจะต้องมีการลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้กราบบังคมทูลเสนอ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝายกฎหมาย ในฐานะผู้ต้องกลั่นกรองกฎหมาย และ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในฐานะผู้ลงนามในหนังสือขอให้มีการชะลอการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ในฐานะตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เข้าชี้แจงในชั้นกรรมาธิการแล้วว่า สตช.มีความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับดังกล่าวได้เข้ายืนยันต่อ กมธ. ว่า มีความพร้อมเช่นกัน จึงถือว่าทั้งสามคนรู้ดีอยู่แล้วว่าจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 โดยไม่ชักช้า ซึ่งจะทำให้การควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นไปตามกฎหมายและตามมาตราฐานของสากล แต่กลับอ้างความไม่พร้อมที่ฟังไม่ขึ้น ถือว่าเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงเป็นผู้ที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวมากที่สุด” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า ก่อนนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ญาติวีรชนฯได้เข้าพบก็รับปากว่าจะดำเนินการติดตามผู้สูญหายให้ จากนั้นก็เงียบหายไปเลย เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้ทำตามสัญญาอีก เท่ากับหลอกลวงญาติวีรชนฯ จึงขอเรียกร้องให้ทั้ง 4 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวโดยทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยไม่ต้องโบ้ยไปให้แก่บุคคลอื่นในคณะรัฐมนตรี จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ มอบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ปฏิบัติราชการแทน และขอเสนอให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ทำการแต่งตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์แห่งชาติ เพื่อทำการวางแผนสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่งโดยเร็วที่สุด

“เหตุการณ์พฤษภา’35 ทำให้ญาติวีรชนเจ็บปวดมากพอแล้ว วีรชนที่สูญหายก็ยังไม่ได้คืน พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจมากว่า 8 ปี ก็ไม่ได้สนใจติดตามให้ เมื่อกฎหมายฉบับนี้ออกมาซึ่งจะทำให้การซ้อมทรมานและการอุ้มบุคคลให้สูญหายของเจ้าหน้าที่รัฐเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งเป็นกฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎร และมีผลบังคับใช้แล้ว แต่รัฐบาลกลับใช้อำนาจออก พ.ร.ก.เลื่อนการบังคับใช้4 มาตราสำคัญ ออกไปอีก เป็นการดูถูกเหยียดหยามซ้ำเติมญาติวีรชนฯและประชาชนอย่างรุนแรงเกินกว่าจะทนได้ ดังนั้น ทั้ง 4 คนนี้ จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ มิเช่นนั้นญาติวีรชนฯและภาคประชาชนจะดำเนินการยื่นเรื่องถอดถอนและดำเนินคดีตามกฎหมายทุกช่องทางต่อไป”นายอดุลย์ กล่าว