28 ก.ค.2566 - นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง "สถานการณ์ข่าวสารของไทยดูท่าจะไม่อยู่ในสภาวะปกติ" มีเนื้อหาดังนี้ สืบเนื่องเรื่องเกิดจากการที่ทนายอั๋นไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมหลักฐานและยื่นยุบพรรค พร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล กรณีมีพฤติกรรมละเมิดรัฐธรรมนูฐล้มล้างการปกครอง
ทนายอั๋นรายงานว่า ทั้งที่โดยปกติศาลรัฐธรรมนูญจะมีนักข่าวหลายสำนักประจำอยู่ในทุกวันทำการ แต่ครั้งนี้กลับไม่มีนักข่าวเลย แม้แต่คนเดียว
ทั้งที่นัดนักข่าวทุกสำนักเอาไว้แล้ว ซึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีห้องนักข่าวพร้อมมีนักข่าวประจำอยู่ปกติ
เจ้าใหญ่รายงานมาว่า ตอนแรกเขาก็เข้าไปสำรวจดูที่ห้องนักข่าว ก็ยังสามารถเปิดปิดได้ โดยมีนักข่าวประจำอยู่ แต่พอทนายอั๋นเข้าไปในอาคารสำนักงานศาล ห้องนักข่าวก็ถูกล็อคเปิดไม่ได้
สรุปรวมแล้วงานนี้ดูมันจะไม่ปกติในวิถีทางแห่งการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของประเทศไทย ซึ่งจะต่างจากข่าวสารของพวกเสื้อส้ม ทุกพฤติกรรมของพวกนี้ล้วนถูกนำเสนออย่างถี่ถ้วน ไม่เว้นแม่แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของหัวหน้าพรรคและบริวารด้อมส้ม
มีคนเล่าให้ฟังว่า นักข่าวพูดกันว่า พรรคเสื้อส้มเขาเข้ามาถูกต้อง แล้วไปกลั่นแกล้งเขาทำไม เรื่องนี้ก็คงต้องอธิบายให้ทราบกันทั่วว่า
เพชรแท้ไม่กลัวการเจียระไน
ทองแท้ไม่กลัวการเผาไหม้
เหล็กแท้ไม่กลัวการทุบตี
คนดีแท้ๆ ไม่กลัวการพิสูจน์ทราบ
สารพัดเรื่องที่พวกพรรคเสื้อส้มถูกร้องเรียนนั้น มันไม่มีใครทำให้เขาเลย แม้แต่เรื่องเดียว ทุกเรื่องที่ผู้ร้องเขาหยิบยกนำเอามาร้องเรียนนั้น ล้วนเกิดมาจากตัวพวกเสื้อส้มเองทั้งนั้น
ดังคำที่ว่า สนิมย่อมเกิดจากเนื้อใน เช่น กรณีที่หัวหน้าพรรคมีการ์ดเป็นผู้ต้องคดี อุ้ม ตบ ทรัพย์ และถูกรองหัวหน้าพรรคของเสื้อส้ม ที่เป็นตำรวจจับเองอีกต่างหาก ไม่เว้นแม้แต่ไปฉวยเอาบุคคลต้องห้ามที่รับโทษคดีลักทรัพย์เข้ามาสมัครเป็น สส. จนนำมาซึ่งการต้องลาออก และจัดการเลือกตั้งใหม่
อีกทั้งยังมีบุคคลต้องห้ามแบบเดียวกันนี้ที่แฝงอยู่ในพรรคเสื้อส้มอีกหลายคน ซึ่งก็ต้องถูกสอบและนำมาซึ่งการเลือกตั้งใหม่ ถามว่าใครเสียหาย ตอบว่า ประเทศชาติ ภาษีประชาชน
ถามว่า ใครจะรับผิดชอบ แน่นอน เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ ตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคเสื้อส้ม และคณะกรรมการบริหารพรรค ที่มีส่วนรู้เห็นในการคัดกรองบุคคลเข้ามารับการเลือกตั้ง
ทั้งหมดเหล่านี้ คือ สนิมที่เกิดมาจากเนื้อเหล็กทั้งนั้น ไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง รังแก ซึ่งประเด็นความผิดพลาด มักง่าย ดังกล่าวก็ต้องมีผู้นำมาร้องเรียนอีก หรือจะบอกว่า ปล่อยไปเฉยๆ คิดซิคิด
หากพวกนักข่าวและสำนักข่าวยังมองเห็นว่า เหล็กที่ขึ้นสนิมดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ ไม่ช่วยกันแก้ไข สุดท้ายสนิมร้ายเหล่านี้ก็จะเข้ามากัดกร่อน บ่อนทำลาย กัดเซาะ ทำร้าย ทำลาย โครงสร้างของชาติ โครงสร้างของสังคม โครงสร้างทางเศรษฐกิจ และโครงการด้านความมั่นคง
เรื่องเช่นนี้หรือคือสิ่งที่สำนักข่าว และนักข่าวชอบใจ ต้องการ หากการทำงานของผู้สื่อข่าว ยังประกอบไปด้วยความชอบและความชังส่วนตัว เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อค้า แม่ค้าในตลาดที่ชอบซุบซิบ นินทาชาวบ้าน โดยไม่ได้อยู่บนหลักการ และเหตุผล ดีชั่ว ถูกผิด ยึดเอาแต่ความชอบเป็นเหตุ เช่นนี้ประชาชนจะเชื่อถือข่าวสาร ข้อมูลที่นักข่าวนำเสนอได้กระนั้นหรือ
รวมความว่า นักข่าวจะนำเสนอแต่เฉพาะเรื่องและบุคคลที่ตนชอบ ตนได้ประโยชน์ แล้วประโยชน์ของชาติ ประชาชน เอาไปไว้ที่ไหน ใครรู้ช่วยตอบที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'วัฒนา' คดีบ้านเอื้ออาทรคุก 99 ปี
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ “วัฒนา เมืองสุข” ที่ยื่นขอให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญข
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน 'ภูมิธรรม-ทวี' แทรกแซงคดีฮั้ว สว.
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
‘เพจด้อมส้ม’ เพ้อหนัก! อ้างโพลเลือกตั้ง 69 ของ 4 สำนักข่าว ‘พรรคส้ม’ ชนะขาด ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้เลย
เพจ พรรคประชาชน - People's Party ซึ่งเป็นเพจของกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาชน โพสต์แบนเนอร์อ้างเป็นโพลเลือกตั้ง 69 จาก 4 สำ
'นิกร' หวัง 29 มี.ค.2569 เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ
'นิกร' เชื่อลงล็อก 29 มี.ค.69 เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ ประหยัดงบ 5 พันล้าน รับ วาระสามล่อแหลมเหตุใช้เสียง 1 ใน 3 มอง สส.-สว. ต้องคุยทำความเข้าใจ
ประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญคาด 2 ปีได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ!
ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญยันหลักการปรับกลไกทำรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกสู่ รธน.ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเศษจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ
ศาลรธน.ยังไม่นัดวินิจฉัยสถานะ 'ภูมิธรรม-ทวี' ปมแทรกแซงคดีฮั้วสว. รอความเห็นพยาน
ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42

